มะเร็งปากมดลูกเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง ในช่วงต้นของการเกิดมะเร็งปากมดลูกมักจะไม่พบอาการใดๆ จนกว่าโรคมะเร็งจะแพร่กระจาย และมีความรุนแรงมากขึ้น
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือการตรวจแป๊บสเมียร์ (Pap smear หรือ Pap test) มีความสำคัญมากในการค้นหาและรักษามะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธ์อื่นๆ เช่น โรคมะเร็งรังไข่ ได้อย่างรวดเร็วที่สุด การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติในปากมดลูก ซึ่งจะช่วยตรวจสอบและรักษาถ้าจำเป็น
ในระหว่างที่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือตรวจแป๊บสเมียร์ (Pap smear หรือ Pap test) มันก็มีสิ่งสำคัญที่ควรรู้และระมัดระวัง เกี่ยวกับสัญญาณเริ่มต้นของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
1. เลือดออกผิดปกติ
อาการที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งปากมดลูกคือการมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากในระหว่างที่มีประจำเดือนหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ปะปนมากับเลือดเพียงเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้เลือดที่ไหลจากประจำเดือนมามากและยาวนานกว่าปกติ สัญญาณเตือนภัยหลักของมะเร็งปากมดลูกหรือปัญหาอื่นๆ คือ การมีเลือดออกในช่องคลอดในสตรีวัยหมดประจำเดือน ซึ่งไม่ควรจะมีเลือดออกนานๆ
2. ตกขาวผิดปกติ
มีตกขาวหลายประเภทที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งปากมดลูก ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันอาจมีลักษณะดังต่อไปนี้ที่เป็นสัญญาณเตือน:
- ตกขาวมีสีซีด
- ตกขาวแฉะเป็นน้ำ
- ตกขาวมีสีน้ำตาล
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็นเขียว
- ตกขาวมีเลือดติดออกมา
3. อาการปวดกระดูกเชิงกราน
ความเจ็บปวดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์หรือในเวลาอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมันอาจส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติไปที่ปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกสามารถแพร่กระจายได้ในกระดูกเชิงกราน
สัญญาณเตือนขั้นสูงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่ทันได้สังเกตอาการขั้นต้นของมะเร็งปากมดลูก ถ้าคุณพบอาการเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านี้ต่อไปนี้อาจเป็นสัญญาณของการเกิดมะเร็งขั้นสูง:
- อาการปวดหลังหรือกระดูกเชิงกราน
- ความยากลำบากเมื่อต้องเข้าห้องน้ำ เนื่องจากการอุดกั้นลำไส้
- อาการบวมในขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองขา
- ความเมื่อยล้า
- น้ำหนักลด
อะไรคือความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก?
เมื่อรู้และสังเกตสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งปากมดลูกขั้นที่ 1 แล้ว เราจะต้องรับมือกับมันให้ได้ก่อนที่มันจะแพร่กระจายและเป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา และสิ่งต่อไปนี้คือปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงในการพัฒนาโรค:
- มีคู่นอนหลายคน
- มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวัยหนุ่มสาว
- มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีคู่เคยเป็นมะเร็งปากมดลูก
- สูบบุหรี่
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- แม่ของคุณใช้ยาไดเอ็ททิลสติลเบสตรอลในระหว่างการตั้งครรภ์
สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่าอาการข้างต้นอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่นอกจากมะเร็งปากมดลูก เช่นการติดเชื้อทำให้เกิดอาการปวดหรือมีเลือดออก แต่ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้ก็อาจทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทันที ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณติดเชื้อ แต่มันก็จะได้รับการรักษา เมื่อมีบางสิ่งไม่ถูกต้องร่างกายของคุณก็จะบอกว่าสิ่งนั้นมันเป็นปัญหา การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือการตรวจแป๊บสเมียร์ (Pap smear หรือ Pap test) จะช่วยตรวจจับเซลล์มะเร็งก่อนที่มันจะมีโอกาสแพร่กระจาย
ที่มา: davidwolfe
