เธอจ๋า…. การอาบน้ำถือว่าเป็นประตูสู่การบำรุงผิวเลยนะ และจะอาบน้ำแค่อย่างเดียวไม่ได้ มันต้องสระผมด้วย ไหนจะต้องทาครีมบำรุงเพิ่มอีก เอาง่ายๆ คือตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย แต่การที่เราเป็นคนแพ้ง่าย sensitive แทบจะทุกส่วนของร่างกาย เวลาเลือกซื้ออะไร มันก็จะค่อนข้างยากหน่อย นี่ก็แพ้ นู่นก็แพ้ จนมาเจอของถูกใจนี่แหละ เป็น 8 ตัวที่ต้องซื้อซ้ำรัวๆ ราคาแอบโหดไปนิด แต่พูดเลยว่าคุ้มในคุ้ม ><

1. THREE Cleansing Oil 185 ml
เริ่มที่ตัวแรกเลย ก่อนล้างหน้าทั้งเช้าและเย็นทุกวัน เราต้องใช้เจ้า THREE Cleansing Oil นี้ทำความสะอาดผิวหน้าก่อน เพราะนางจะช่วยลดปัญหาสิวอุดตันได้ดีมากๆ โดยการเข้าไปจัดการไขมัน ฝุ่น สิ่งสกปรกอุดตันได้อย่างหมดจด บางคนที่ไม่แต่งหน้าอาจจะคิดว่าการใช้ Cleansing Oil ไม่จำเป็น แต่จริงๆ แล้วจำเป็นมากๆ เลยนะ เพราะปกติร่างกายก็จะผลิตไขมันออกมาอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับมลภาวะที่เราต้องเจอในแต่ละวัน และยังมีครีมบำรุงหน้าอีก ถ้าเราไม่ทำความสะอาด พวกนี้ก็จะสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้เกิดสิวในที่สุด
เนื้อออยล์เค้าจะเป็นสีเหลืองๆ ใสๆ กลิ่นหอมอโรมาอ่อนๆ เพราะเป็นออยล์ เลยจะมันๆ แบบน้ำมันเลยค่ะ วิธีใช้ก็สะดวกมาก เราใช้เป็นตัวแรกก่อนอาบน้ำทุกครั้ง กดประมาณ 2 ปั๊ม แบ่ง 2 ฝ่ามือเท่าๆ กันแล้วค่อยๆ นวดเป็นวงกลมในทิศวนจากกรอบหน้าเข้าหาจมูก ค่อยๆ นวดจากคางขึ้นมาถึงหน้าผาก ตรงปีก/ซอกจมูกก็เก็บให้ครบ ทำซ้ำ 2-3 รอบ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติได้เลย
ความรู้สึกหลังใช้: รู้สึกผิวหน้าสะอาดมากกก มีหนังกำพร้าที่ตายแล้วหลุดออกมาด้วย รู้สึกผิวหน้านุ่มขึ้นมาก พอล้างออกแล้วมันนิดหน่อย ล้างออกไม่ยากเหมือนออยล์ที่เคยใช้ ที่สำคัญคืออ่อนโยน เพราะเค้าใช้ Natural Oil และขวดนี้เป็นสูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ คนที่แพ้ง่ายใช้ได้สบายๆ กลิ่นก็หอมออกแนวอโรมาอ่อนๆ ตอนนวดๆ คลึงๆ หน้าเลยรู้สึกผ่อนคลายสุดๆ
ค่าเสียหาย: ฿ 1,710* (แอบแพงแต่ว่า คุ้มอยู่นะ ของมันต้องมี >_< )
*เราซื้อตอนมีส่วนลด 10% ปกติราคาเต็มขวดละ 1,900 บาท จ้าาา
ซื้อได้ที่: เคาน์เตอร์ Three ทุกสาขา
2. THREE Clearing Foam 100 g
ใครกำลังมองหาโฟมล้างหน้าสูตรออร์แกนิก ทำความสะอาดหมดจด แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งแนะนำตัวนี้เลยค่ะ THREE Clearing Foam อยู่ในเซ็ตเดียวกับ Cleansing Oil ตัวก่อนหน้า ใช้คู่กันแล้วคือประทับใจมาก
เนื้อครีมจะเป็นสีขาวขุ่นๆ กลิ่นหอมอโรมาเหมือนกับออยล์ค่ะ เวลาใช้บีบประมาณ 1 เม็ดไข่มุกลงบนฝ่ามือ แตะน้ำนิดหน่อย แล้วค่อยตีให้ขึ้นฟองนะคะ เพราะการล้างด้วยเนื้อโฟมจะช่วยลดการเสียดสี จึงถนอมผิวหน้าได้ดีกว่าค่ะ แถมเนื้อโฟมยังเข้าทำความสะอาดได้ล้ำลึกกว่าด้วย แต่ถ้าใครไม่มีเวลา ใช้ถูๆ พอให้มีฟองแล้วล้างตามปกติก็ได้ค่า (ในภาพเราตีโฟมไม่เยอะมาก เพราะใช้ปริมาณไม่เยอะค่ะ ก็มันแพงง่าาา 555) ตอนทำความสะอาดก็ใช้วิธีนวดๆ คลึงๆ วนทิศเดียวกับตอนใช้ออยล์เลยค่ะ เก็บให้ครบทุกซอกทุกมุมแล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิห้องได้เลยจ้า
ความรู้สึกหลังใช้: ฟีลลิ่งหลังใช้คือดีมากกก มันรู้สึกสะอาด แต่ไม่แสบ ไม่แห้ง ไม่ฝืด ผิวนุ่มชุ่มชื้นแต่ไม่รู้สึกลื่นๆ แบบไม่สะอาด รู้สึกว่าหลังใช้ 2 ตัวนี้คู่กัน ไขมันอุดตันลดลงแบบสังเกตได้ชัดเลย กลิ่นก็ดีสุดๆ หอม ผ่อนคลาย ใช้ต่อเรื่อยๆ นี่หลอดที่ 2 แล้วค่ะ
ค่าเสียหาย: ฿ 1,440* (โหดอยู่ T T แต่ชอบมาก ซื้อซ้ำแน่นอนค่ะ 555+)
*เราซื้อตอนมีส่วนลด 10% ปกติราคาเต็มขวดละ 1,600 บาท จ้าาา)
ซื้อได้ที่: เคาน์เตอร์ Three ทุกสาขา
3. AloEx Natural Black Shampoo 200 ml
มาต่อกันที่ Product ดูแลเส้นผมกันบ้าง เราเป็นคนผมยาว เคยทำสี ผมเลยค่อนข้างแห้งเสียและร่วงหนักมากกกกก สางผมทีร่วงเป็นกำๆ เลย ใช้แชมพูตัวไหนก็ไม่ช่วย จนมาเจอ AloEx บอกเลยว่าหยุดที่ตัวนี้จริงๆ เพราะ AloEx สูตร Black ขวดสีดำนี้เน้นทำความสะอาดสารเคมีและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรากผมของเรา แถมอุดมด้วยสารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยลดผมร่วงเน้นๆ และที่ชอบมากสุดๆ คือเค้าไม่มีส่วนผสมของ ซิลิโคน SLS พาราเบน น้ำหอม และ Alcohol เลยช่วยลดผมร่วงได้เวิร์คมากๆ ผิวแพ้ง่ายแบบเราก็ใช้ได้สบาย
เนื้อแชมพูออกเป็นเนื้อเจลสีน้ำตาลใสๆ เหมือนสีคาราเมลไหม้ๆ ค่ะ เวลาสระ เค้าให้บีบแชมพูลงบนฝ่ามือ ผสมน้ำเล็กน้อย แล้วถูๆ ให้เกิดฟองก่อน ค่อยชโลมลงบนเส้นผม เนื้อแชมพูจะได้กระจายๆ ทั่วทั้งหัวนั่นเอง (555) ฟองไม่ค่อยเยอะมาก แต่ก็ไม่น้อยเหมือนแชมพูลดผมร่วงที่เราเคยใช้ เวลาสระเลยไม่ฝืด ส่วนกลิ่นนี่บอกเลยยยย….หอมผ่อนคลายสุดๆ มันไม่ใช่กลิ่นสมุนไพรแบบอี๋แบบที่เคยนึกภาพไว้ แต่เป็นกลิ่นแบบอโรมา เหมือนกลิ่นในสปาแพงๆ อ่ะ ลองไปดมเองนะ เราว่าทุกคนต้องชอบ
ความรู้สึกหลังใช้: เคยใช้แชมพูลดผมร่วงมาหลายตัว แต่บอกเลยว่าตัวนี้ลดผมร่วงได้เวิร์คสุดๆ คือแบบสังเกตได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลย จากเคยร่วงๆ เป็นกระจุกๆ เหลือแค่ไม่ถึง 10 เส้น ใช้ต่อเนื่องก็ลดลงๆ เรื่อยๆ ตอนนี้คือภูมิใจมาก เพราะออกจากห้องน้ำโดยไม่โดนแม่บ่นเรื่องผมติดท่อระบายแว้วว (กร๊ากกกก) แต่ผมจะแอบฝืดเล็กๆ ไม่นุ่มแบบแชมพูทั่วไป เพราะเค้าไม่ใส่ซิลิโคน คนที่ไม่เคยใช้แชมพูออร์แกนิกอาจจะไม่ชินช่วงแรกๆ รังแคที่เคยมีก็ลดลงด้วย ผมและหนังศีรษะนี่สะอาดหมดจดมากๆ ล้างออกง่ายค่ะ ตอนนี้ใช้ต่อเนื่องมาขวดที่ 3 เริ่มมีลูกผมขึ้นมาแล้วจ้าาา ตอนนี้เลยซื้อซ้ำรัวๆ เลยยยย
ค่าเสียหาย: ฿ 610 (เราซื้อตอนลด 10% ราคาปกติ 680 บาทจ้า )
4. AloEx Natural Hair Mask 200 g
อันนี้คือตอบโจทย์คนมีปัญหาผมร่วง แต่ผมแห้งแบบเรามากๆ ถ้าใครเคยใช้ลดผมร่วงจะเข้าใจความรู้สึกที่อยากลดผมร่วง แต่พอใช้แชมพูแบบที่ไม่มีซิลิโคน พาราเบน และสารเคมีแล้ว ผมมันก็จะฝืดหน่อยๆ ไม่นุ่มลื่นเหมือนแชมพูที่มีซิลิโคน ซึ่งพอใช้ไปนานๆ ซิลิโคนพวกนี้ก็จะทำให้อุดตันหนังศีรษะทำให้ผมร่วง แต่พอไปใช้ครีมนวดที่มีซิลิโคนให้ผมนุ่ม ปัญหาผมร่วงก็กลับมาอีก นึกภาพตามทันมั้ยอ่ะ ปัญหามันจะเป็นวนๆ เป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นปัญหาโลกแตก แต่!! พอมีตัวนี้ออกมา บอกเลยว่าชีวิตดีงามมากกก เพราะ Hair Mask ตัวนี้เป็นทรีตเมนต์ที่ไม่ผสมซิลิโคน โอ้วแม่เจ้า มันใช่มากๆ อ่ะ เค้าเน้นส่วนผสมจาก Lemon Lavender Oil และ Natural Oil อื่นๆ ช่วยบำรุงผมให้นุ่มสลวย หวีง่าย แถมจัดทรงง่ายอีกด้วย ที่สำคัญ มันช่วยลดผมร่วงงง!! ใช้คู่กับแชมพูตัวก่อนหน้าคือลงตัวสุดๆ ล่ะอ่ะ ชอบที่ไม่มีส่วนผสมของ Silicone Paraben SLS และน้ำหอม เป็นครีมนวดสูตรออร์แกนิกที่เลิฟมากๆ จ้าาา
สำหรับเนื้อมาสก์จะเป็นเนื้อครีมขุ่นๆ สีออกเหลืองๆ น้ำตาลๆ อ่อนๆ กลิ่นก็คล้ายกับตัวแชมพู ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กันเลยค่ะ แบบสมุนไพรแนวอโรม่าเต็มๆ แพ็กเกจก็มาแบบหลอดบีบ ใช้ง่าย ชโลมตั้งแต่โคนไปถึงปลายผมเลยค่ะ ตอนใช้ครั้งแรกจะรู้สึกว่ามันไม่ทั่วผมอ่ะ แบบลูบหาย ลูบหาย 555 ตอนแรกๆ เลยต้องบีบเยอะมากๆ แต่พอใช้มาสักพักก็เข้าใจล่ะว่าแค่นิดเดียว แค่ประมาณวงเหรียญ 5 บาท 2 วงก็พอล่ะ เพราะตอนล้างออกแล้วจะรู้สึกถึงความนุ่มลื่นเอง แนะนำให้ใช้ทุกครั้งหลังสระผมแทนครีมนวดนะคะ แต่ถ้าใครอยากบำรุงเน้นๆ ก็หมักไว้ 3-5 นาที สักสัปดาห์ 1-2 ครั้งก็ได้จ้า ลองใช้น้า แล้วจะรู้ว่าการลดผมร่วง แบบผมไม่ฝืดมีอยู่จริง!! #ใช้ดีบอกต่อจีๆ
ความรู้สึกหลังใช้: สั้นๆ ง่ายๆ คือ ลดผมร่วง แบบผมไม่ฝืด หวีง่าย ไม่พันกันตามสโลแกนเค้าเลย นี่คือเป็นอะไรที่ประทับใจมาก ที่สำคัญหลังใช้เราสังเกตว่าเวลาไดร์แล้วผมไม่แห้งเสียด้วยแหละ ผมเลยไม่ค่อยขาดร่วงกลางท่อนเวลาหวี เวลารัดผมแล้วปล่อย ผมก็ไม่ดีดไม่เป็ดด้วย ส่วนเรื่องลดผมร่วงเราว่าไม่ต่างจากแชมพูเลย เพราะส่วนผสมสมุนไพรเค้าอัดแน่นมากเหมือนกัน ข้อเสียที่ตอนใช้แรกๆ ไม่ค่อยชอบคือตอนที่ใช้ชโลมผม มันดูเหมือนไม่ค่อยทั่วผมอ่ะ อารมณ์เหมือนหายไปกับน้ำ ไม่เป็นครีมหนาๆ ไม่เต็มไม้เต็มมือเหมือนทรีตเมนต์ทั่วไป เลยต้องใช้ค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้เริ่มชินล่ะ เพราะใช้นิดเดียวก็เอาอยู่ค่ะ
ค่าเสียหาย: ฿ 680
(เราซื้อตอนเปิดตัวสินค้าใหม่ เลยมีส่วนลด ถ้าจำไม่ผิด ลดเหลือประมาณ 400 ปลายๆ ค่ะ )
5. Sanctuary Spa 3 day long lasting moisture shower burst 200 ml

มาที่ Body Shower กันบ้าง เราเลือกใช้ตัวนี้เพราะเค้ามีส่วนผสมจากโอเมก้า 3 และ 6 รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีสำหรับผิว จึงเป็นการดูแลฟื้นฟูผิวทั้งตัวเลย มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ ช่วยบำรุงให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานถึง 3 วันที่สำคัญเป็น Body Shower ที่อาบแล้วฟินสุดๆ สำหรับที่บ้านใครไม่มีอ่างอาบน้ำ แต่อยากได้ฟีลลิ่งหรูหรา ผ่อนคลายเหมือนแช่อ่างโฟมแล้วล่ะก็ วิปโฟมอาบน้ำตัวนี้ตอบโจทย์มากเลยค่ะ เนื้อโฟมเค้าเวอร์วังมาก แบบฟองโฟมแน่น นุ่มหนึบสุดๆ ใครที่เคยใช้โฟมครีมล้างหน้ามาก่อนอาจจะจินตนาการได้ว่าถ้าเอามาอาบน้ำจะฟินขนาดไหน แถมกลิ่นหอมหรูดีงาม ติดทนนานมากๆ จ้า เรานี่ติดนางสุด เห็นโปรฯ ต้องรีบสอยมาเลยค่าา
ตัววิปโฟมเค้าจะเป็นสีขาว แน่นนน นุ่มมม บีบออกมาแล้วแน่นเต็มมือมากๆ เนื้อเนียนละเอียด ให้ความรู้สึกเหมือนเค้กครีมนมสดเลยค่ะ เขย่าทีสองทีแล้วกดหัวปั๊มเบาๆ ลงบนฝ่ามือ กดใช้งานง่ายดีค่ะ เนื้อวิปที่ออกมาจะเป็นก้อนๆ เราก็เอามือตีเบาๆ วิปก็ฟู แล้วลูบไล้ร่างกายเบาๆ ก็จะได้ฟองโฟมหนานุ่ม ให้ความรู้สึกเหมือนโดนห่อหุ้มด้วยปุยนุ่นนิ่มๆ จนไม่อยากล้างออก (แต่ต้องล้างนะ ^^) ล้างออกก็ง้ายง่าย
ความรู้สึกหลังใช้: บอกเลยว่าฟินตั้งแต่บีบออกมาล่ะ 555 ตัววิปโฟมเนื้อแน่นสะใจมาก ตอนอาบรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มหนึบหนับตอนลูบๆ ชอบตอนล้างออกด้วย เพราะล้างออกง่ายมาก ไม่ลื่นผิว หลังล้างออกรู้สึกว่าผิวสะอาดมาก ไม่รู้สึกเหนอะหนะ หรือเหนียวตัวเลย ผิวนุ่มชุ่มชื้น ส่วนเรื่องกลิ่นนี้ให้เต็ม 10 ค่ะ เพราะกลิ่นดีงาม ที่สำคัญเราไม่แพ้ด้วย ปกติเราเป็นคนแพ้ง่ายมาก โดยเฉพาะน้ำหอม แต่ตัวนี้ใช้ได้สบาย กลิ่นติดทนแบบไม่ทำให้ระคายเคืองแบบนี้ ซื้อซ้ำรัวๆ ไปอีกตัวจร้าาา
(เหมือนจะแพง แต่แอบกระซิบไว้ โปรฯ 2 แถม 1 มาบ่อยมากที่ Boots มันคุ้มมากก)
ซื้อได้ที่: Boots
6. Sanctuary Spa Hot Sugar Scrub 550 g

See Also
ส่วนตัวเราคิดว่าการสครับผิวเป็นอะไรที่จำเป็นมากๆ เพราะถ้าอยากให้ผิวกระจ่างใส เราต้องเอาเซลล์ผิวเก่าออกไปค่ะ เราเลยต้องคอยสครับผิว โดยเฉพาะจุดที่ด้านง่ายกว่าปกติ (ห้ามตอบว่าหน้า!!) เช่น ตามข้อศอก เข่า ข้อพับ ตาตุ่ม ฯลฯ เราลองมาหลายตัวมาก หยุดที่ตัวนี้ค่ะ Sanctuary Spa Hot Sugar Scrub เป็นตัวแรกที่ใช้หมดกระปุก และซื้อซ้ำ เลิฟมากเพราะเป็นสครับร้อนนน!! งงอ่ะสิว่าร้อนได้ไง?? ทางแบรนด์เคลมว่ามีส่วนผสมของซีโอไลท์ ทำให้รู้สึกร้อน ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้ดินเคโอลิน (ดินชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนผสมในสครับ) ดูดซับสิ่งสกปรกออกไป ส่วนตัวเนื้อสครับเป็นน้ำตาลตามชื่อเลยจ้า เวลาสครับจึงไม่เจ็บ ไม่บาดผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ให้พร้อมรับการบำรุงนั่นเอง ใช้แล้วผ่อนคลายสุดๆ เหมือนแช่ออนเซ็นเลยค่ะ (จินตนาการเว่อร์มั้ย 555)
เม็ดสครับเป็นเม็ดน้ำตาล เนื้อไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ผสมอยู่ในเนื้อครีมสีขาว เนื้อนิ่มหยุ่นๆ ติดปลายนิ้ว เพราะมีน้ำมันดอกส้มเป็นส่วนผสม ให้กลิ่นหอมละมุน ให้ความรู้สึกสดชื่นลอยออกมาเลย กระปุกก็ปากกว้างใช้มือตักเนื้อสครับมาพอกผิวสะดวกดี ตอนสัมผัสที่ผิวคือแบบ อุ่นมากกก ผ่อนคลาย ดีงามสุดๆ เราจะประคบแช่ไว้ก่อนแป๊บนึงแล้วค่อยๆ สครับเป็นวงกลม พอถูไปสักพักเม็ดสครับจะค่อยๆ ละลาย เลยทำให้ไม่บาดผิว เราใช้ทุกวันหลังอาบน้ำเลย เน้นจุดที่มีขี้ไคลเยอะ ค่อยๆ สครับเป็นจุดๆ ที่อยากเน้น และถ้ามีเวลาเยอะหน่อยก็จะสครับทั่วตัว ไล่ตั้งแต่คอไปจนถึงเท้าเลย
ความรู้สึกหลังใช้: หลังสครับทั้งตัวรอบแรก บอกเลย หลงตัวเองสุดๆ 555 คือรู้สึกว่าผิวใส ผิวนุ่ม เปล่งออร่าได้ เหมือนผิวเกิดใหม่เลย ย้ำว่าผิวนุ่มมากๆ มากจนเผลอลูบแขนตัวเองบ่อยมาก (เหมือนเป็นโรคจิตเลย) และที่ชอบสุดๆ คือ มันล้างออกง่าย ไม่เหนียว ไม่ลื่น ไม่เหนอะหนะเหมือนตัวก่อนๆ ที่เคยใช้ เลยใช้ได้บ่อย ใช้ทุกวัน ล้างเร็ว แม้แต่ตอนเช้าก่อนไปทำงานก็ควักมาสครับติดเป็นนิสัย เพราะมันรู้สึกมั่นใจอ่ะ แบบผิวฉันนุ่มมม สวยยย 555 เรื่องกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง มันหอม แพง ดีงาม และติดทนสุดๆ ทนจนแม่เราเลิกใช้น้ำหอมไปล่ะ (หลังจากที่แม่ติดใจ) ตัวนี้แม่แฮปปี้ เพราะห้องน้ำไม่ลื่นจร้าาา 55555
ค่าเสียหาย: ฿ 950*
(เดือนที่แล้วเพิ่งมีโปรฯ 2 แถม 1 ไป เราตุนมาล่ะ ใครอยากได้โปรฯ ดี รอส่องที่ Boots น้า)
ซื้อได้ที่: Boots
7. A THOUSAND WISHES Super Smooth Body Lotion 236 ml
หลังจากทำความสะอาดกันไปตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาแห่งการบำรุงกันค่ะ ซึ่งเราขอบอกก่อนว่าปกติเราไม่ค่อยฉีดน้ำหอม เพราะกลิ่นมันฉุนไป บวกกับเป็นคนแพ้ง่ายด้วย เราเลยหาครีมทาผิวที่มีกลิ่นแบบน้ำหอมแทน จนได้มาเจอตัวนี้ค่ะ A THOUSAND WISHES Super Smooth Body Lotion จากแบรนด์ Bath&Body Works ซึ่งแบรนด์นี้เค้าจะขึ้นชื่อเรื่องของกลิ่นที่หอมติดทนนานอยู่แล้ว เราจึงสอยมาใช้ นางมีหลายสูตรหลายกลิ่นให้เลือกเลยค่ะ ตัว Body Lotion ตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในกลิ่นที่หอมมาก และช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นด้วยส่วนผสมเด่นๆ ที่เห็นตรงหน้าขวดเลยก็คือ น้ำมันมะพร้าว เชียร์บัตเตอร์ และวิตามิน E จ้า
เนื้อครีมตัวนี้เป็นสีขาว เนื้อบางเบา นุ่มมือ ที่โดดเด่นคือกลิ่นของนางที่มีความหอมหวานอมเปรี้ยว ดมแล้วจะให้ฟีลลิ่งแบบเซ็กซี่มีเสน่ห์ มีความโรแมนติก นอกจากนั้นยังช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื้นตลอดวัน โดยเฉพาะเชียร์บัตเตอร์ที่จะทำให้ครีมซึมเข้าผิวได้เร็วขึ้น และไม่เหนียวเหนอะหนะ ตอนทา เราจะบีบไม่เยอะมาก แล้วทาให้ทั่วตัวทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเลยค่ะ
ความรู้สึกหลังใช้: ขอบอกเลยว่าชอบมาก เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเร็วเวอร์ แถมรู้สึกเย็นๆ ด้วย ใช้แล้วผิวชุ่มชื้น ดูฉ่ำ และมีชีวิตชีวา ขนาดทาตั้งแต่เช้า ตอนเย็นยังรู้สึกอยู่เลยว่าผิวไม่แห้งและยังนุ่มชุ่มชื้นอยู่ ที่สำคัญคือหอมมาก กลิ่นนี้หอมแบบหวานๆ แต่ไม่เลี่ยน ไม่ฉุน แต่ชัดเจนดี เอาเป็นว่าเข้าออฟฟิศที คนทักกันทั้ง floor 555 เราแทบไม่ต้องไปพึ่งน้ำหอมเลยค่ะ แต่ใครไม่ชอบกลิ่นแนวหอมหวาน ลองไปเลือกกลิ่นของตัวเองได้นะ มันมีเกือบ 30 กลิ่นเลยนะ เราว่า ^0^
ค่าเสียหาย: ฿ 690
ซื้อได้ที่: Bath and Body Works ทุกสาขา
8. A THOUSAND WISHES Fine Fragrance Mist 236 ml

ก่อนหน้านี้ก็มีลงตัวครีมทาผิวให้ชุ่มชื้นไปแล้ว ก็มาเพิ่มความหอมให้ผิวแบบ x2 กันต่อด้วย A Thousand Wishes Fine Fragrance Mist จากแบรนด์ Bath&Body Works หลายคนเข้าใจว่าตัวนี้เป็นน้ำหอม แต่ตัวนี้จะมีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมน้อยกว่าน้ำหอมและสดชื่นกว่า กลิ่นของขวดนี้จะเป็นอารมณ์เดียวกับตัว Body Lotion ข้างบนเลยค่ะ เป็นกลิ่นหวานอมเปรี้ยว เซ็กซี่แบบมีเสน่ห์ และโรแมนติก ด้วยส่วนผสมหลักๆ จากแชมเปญ ครีมอัลมอนด์ และมะเฟือง
ลักษณะของตัวนี้คล้ายน้ำหอม แต่กลิ่นบางเบากว่าและไม่ฉุน สามารถฉีดได้ทั่วร่างกายบ่อยได้ตามต้องการ กลิ่นจะติดอยู่ประมาณ 1-3 ชั่วโมง ถ้าออกไปข้างนอก แล้วอยากให้หอมตลอดวันก็อาจจะต้องพกติดกระเป๋าไปด้วย แต่เราจะฉีดแค่ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เพราะว่าเราทาตัว Body Lotion ก่อนฉีดตัวนี้ตาม กลิ่นก็จะติดนานขึ้นหน่อย ตัวนี้เราจะมีอยู่ 2 ขวด เอาไว้ที่บ้านขวดนึง แล้วก็พกติดกระเป๋าอีกขวดนึง
ความรู้สึกหลังใช้: ฉีดแล้วกลิ่นพอดีมาก ไม่ฉุน ไม่เวียนหัว แถมให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ ใช้ก็ง่ายแค่ฉีดให้ทั่ว ตัวก็หอมแล้ว บวกกับใช้พร้อม Body Lotion ด้วย มันเป็นอะไรที่ฟินมาก เพราะกลิ่นติดนาน ช่วยให้เรามั่นใจตลอดวันเลยค่ะ
ค่าเสียหาย: ฿ 740
ซื้อได้ที่: Bath and Body Works ทุกสาขา
ที่ลิสต์มาทั้งหมดคือบอกเลยว่าติดมากกก ใช้จริง ซื้อซ้ำจริง และคุณภาพแกรนด์มากจริงๆ แบบแพงก็ยอม พวกนางคือความดีงามแห่งการดูแลตัวเองสำหรับคนแพ้ง่ายเลยค่ะ ยิ่งคนที่แพ้สารเคมี ลองดูนะคะ เราใช้แล้วรอด ผ่านเข้ารอบต่อไป ใช้แล้วรู้สึกดี รู้สึกฟิน ใครได้ลองพวกนี้แล้วไม่แพ้ และรู้สึกเหมือนเรา รีบไปตำกันด่วนๆ เลย
little nomad
มีประสบการณ์เขียนบทความเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความงามมากว่า 3 ปี โดยเฉพาะบทความด้านความสวยความงามของสาวๆ จะสนใจมากเป็นพิเศษ
และหากสงสัยว่าทำไมต้อง little nomad?
'nomad' หมายถึงกลุ่มคนที่เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ใส่ 'little' เพิ่มเข้าไปเพื่อความน่ารักปุ๊กปิ๊ก เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชอบเที่ยวมากกกก ซึ่งไม่ใช่แค่เที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่ยังหมายถึงการท่องโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อตามเทรนด์บิวตี้ เรื่องสวยๆ งามๆ อีกด้วย นี่แหละค่ะคือเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเรื่องดูแลหุ่น ผิวพรรณ ทางเราลองผิดลองถูกมาเยอะแล้ว เลยอยากมาแชร์เพื่อนๆ กัน!