การต้มไข่เคยเป็นเรื่องง่ายนะ แล้ววิธีการต้มไข่ของคุณล่ะเป็นแบบไหน? ง่ายใช่ไหม ก็แค่วางไข่ใบใหญ่ลงไปในหม้อต้ม (ไข่ที่เก่าจะง่ายต่อการปอกเปลือก) ใส่น้ำลงไปให้ท่วมเหนือไข่สักประมาณนิ้วครึ่ง แล้วนำไปต้ม จากนั้นดับไฟทันที ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วจึงนำใส่ในชามที่มีน้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิไข่อย่างรวดเร็ว สุดท้ายค่อยๆ กะเทาะไข่และปอกเปลือกออกในน้ำเพื่อความสะดวกในการปอก
source: seriouseats
วิธีนี้ถูกเขียนลงในเว็บ Bon Appétit ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนเป็นการส่งต่อเคล็ดลับวิชาจากบรรพบุรุษ แต่น่าเสียดายที่โลกเป็นสถานที่ที่ซับซ้อน และมีความจริงที่ว่า การต้มไข่มีมากกว่าหนึ่งวิธี
source: pinterest
ในขณะที่ทางเว็บ Bon Appétit ได้ทำการพัฒนาสูตรราเม็งเพื่อเขียนลงในคอลัมน์ พวกเขาก็ได้พบกับการทำไข่สำหรับใส่ในราเม็งที่สมบูรณ์แบบ เพียงแค่เซตไข่ขาวและไข่แดงเกือบสุก โดยวิธีที่ดีที่สุดนี้ไม่ได้เริ่มจากการนำไข่ใส่ลงในน้ำเย็นหรอกนะ แต่ให้ใส่มันลงในน้ำที่กำลังเดือด แล้วเมื่อไหร่น้ำจะเดือดกันนะ ก็อย่างที่เราทุกคนรู้กันดีว่ายิ่งคอยก็ยิ่งช้า ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มนำไข่ลงในน้ำเย็น จึงเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้เวลาที่แน่นอนว่าน้ำเริ่มเดือดตอนไหน ซึ่งหมายความว่ามันยากที่จะการันตีผลลัพธ์ที่ออกมา แต่ด้วยวิธีการใส่ลงไปในน้ำที่กำลังเดือด คุณจะสามารถกะเวลาของไข่ได้อย่างแม่นยำ เพราะคุณรู้เวลาที่แน่นอนในการใส่ไข่ลงในน้ำที่กำลังเดือด
source: lifehacker
ตอนนี้เริ่มมีใครบางคนที่กลัววิธีนี้ เนื่องมาจากพวกเขาคิดว่า ไข่จะแตกออกเมื่อถูกนำลงไปในน้ำเดือด หากคุณวางไข่ลงต่ำๆ อย่างเบามือด้วยกระบวยมีรู (Slotted Spoon) คุณก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว
source: bonappetit
ดังนั้นหากเริ่มด้วยวิธีใส่ลงในน้ำที่กำลังเดือดจะช่วยให้ไข่ต้มได้แม่นยำกว่าการเริ่มด้วยการใส่ลงในน้ำเย็น แล้วทำไมพวกเราถึงยังใช้เทคนิคที่สองอยู่ล่ะ? คำตอบก็คือ เรากลับไปที่คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ของอเมริกา ตามที่คณะบริหารสูงสุดบอกไว้ว่า “การทำไข่ต้มสุกจะดีที่สุด ถ้าไม่ได้ถูกทำให้เดือดทั้งหมด หากไข่ถูกต้มด้วยอุณหภูมิ 212 °F นานเกินไป ไข่ขาวจะมีลักษณะคล้ายยางและไข่แดงจะแห้ง ทำไมล่ะ? ก็เพราะไข่ขาวส่วนใหญ่เป็นโปรตีนและน้ำ เมื่อโปรตีนถูกปรุง พวกมันจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง และหากปรุงนานเกินไป น้ำจะถูกผลักออกมา”
พูดง่ายๆ ก็คือ มันจะไม่แตก ดังนั้นอย่าพยายามที่จะแก้ไขมัน หากคุณลองต้มไข่ประมาณ 5-7 นาที คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการใส่มันลงไปในน้ำที่กำลังเดือด สำหรับการต้มไข่แบบดั้งเดิมโดยให้ไข่แดงสุกเต็มที่นั้น ก็เพียงแค่เริ่มต้นในน้ำเย็น
source: seriouseats
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อย่าลืมว่าต้องทำอะไรหลังจากหมดเวลาต้มแล้ว การแช่ไข่ในน้ำเย็นจะช่วยควบคุมไม่ให้ไข่สลายตัว และยังมีอีกสองเคล็ดลับแบบมือโปรฯ เคล็ดลับแรกคือ หากคุณใส่เกลือลงในน้ำที่คุณแช่ไข่เอาไว้ จะถือเป็นการเพิ่มรสชาติส่วนในของไข่ (อาจมีบางคนสงสัยว่ามันได้ผลหรือเปล่า ทางเว็บ Bon Appétit ยืนยันว่ามันได้ผลแน่นอน) และอีกหนึ่งเคล็ดลับก็คือ หากคุณเตรียมน้ำแข็งสำหรับแช่ไข่พร้อมกับตัวกรองแบบตะแกรงละเอียดไว้ที่ด้านในถ้วย มันจะช่วยให้การเคลื่อนย้ายไข่ออกจากน้ำได้ง่ายพอๆกับการต้มไข่
เอาล่ะเรามาสรุปวิธีการต้มไข่กันอีกครั้งนะคะ
1. ค่อยๆนำไข่ลงในน้ำที่กำลังเดือดอย่างเบามือ (ระวัง! อย่าใส่ไข่เยอะเกินไปจนล้นหม้อ)
2. ตั้งเวลาประมาณ 5-7 นาที (สำหรับไข่ต้มที่กำลังพอดี) จากนั้นใช้กระบวยมีรูตักไข่ออกมา แล้้วนำไปใส่ลงในชามที่มีน้ำที่เย็ดจัดหรือน้ำใส่น้ำแข็ง เพื่อให้ไขมีอุณหภูมิลดลง
3. ค่อยๆ ปอกเปลือกอย่างระมัดระวัง หากเปลือกลอกออกยาก ให้ปอกเปลือกในน้ำเย็นเพื่อให้การปอกง่ายขึ้น
4. ใช้มีดที่สะอาดและคม ผ่าไข่ตรงกึ่งกลาง เท่านี้เราก็จะได้ไข่ต้มอย่างที่ต้องการ
ถ้าคุณอยากได้ไข่ต้มแบบไหนก็ลองดูที่รูปภาพด้านล่าง ซึ่งเป็นรูปภาพของไข่ต้มที่ถูกนำออกจากน้ำเดือดในช่วงเวลาต่างๆ
source: pinterest
และคลิปด้านล่างนี้เป็นสูตรการทำไข่ปีศาจหรือ Deviled Eggs ที่สมบูรณ์แบบ หากใครสนใจก็ลองทำทานกันดูนะคะ แล้วคุณจะลืมเมนูไข่ต้มแบบเดิมๆไปเลย (*Deviled Eggs เป็นไข่ที่มีรสจัดจ้าน เพราะมีส่วนผสมเครื่องเทศที่ทำให้รสชาติโดดเด่นออกมา)
ที่มา: bonappetit
