บอกต่อ! พฤติกรรมที่ดีในการทานอาหารเช้า ช่วยลดไขมัน ผอมสุขภาพดี

อาหารเช้ามื้อสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลืมความคิดที่ว่าถ้าอยากผอมต้องอดอาหารเช้าไปได้เลย เพราะยิ่งขาดอาหารเช้าก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มไขมันให้แก่ร่างกาย แต่เราต้องทานอาหารเช้าอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายในระยะยาวและได้หุ่นสวยสุขภาพดีล่ะ? งั้นมาดู 3 พฤติกรรมการทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์และทำให้ได้หุ่นผอมเพรียวกันเลย

นอกจากอาหารเช้าจะมีประโยชน์และช่วยให้พลังงานที่จำเป็นแก่ร่างกายแล้ว ยังปลุกความมีชีวิตชีวาและช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดทั้งวัน และหากทานอาหารเช้าแบบถูกต้องยังช่วยทำให้ผอมหุ่นดีอีกด้วย ซึ่งนักโภชนาการ Lin Rujun ได้ให้คำแนะนำในการทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์ด้วยการปรับพฤติกรรม 3 ข้อ ดังนี้

#1 ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว (อุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส )

หลังตื่นนอนและก่อนทานอาหารเช้าแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 30 -50 องศา เพื่อกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าและเติมเต็มน้ำที่หายไปในช่วงเวลากลางคืน อาจผสมน้ำว่านหางจระเข้ลงไปเล็กน้อยแล้วดื่มเพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ และเตรียมความพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี

#2 ทานอาหารเช้าที่มีโปรตีน เซลลูโลส และคาร์โบไฮเดรต ภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากตื่นนอน

หลังจากตื่นนอนประมาณ 1 ชั่วโมง ให้รีบทานอาหารเช้า โดยเน้นอาหารที่ประกอบไปด้วยโปรตีน เซลลูโลส และคาร์โบไฮเดรต เพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายและสมอง

ตัวอย่างอาหาร เช่น

โปรตีน: ไข่ต้ม นม และนมถั่วเหลือง
เซลลูโลส: ผัก และผลไม้
คาร์โบไฮเดรต: ข้าวโอ๊ต มันฝรั่งหวาน ขนมปัง และซีเรียล

#3 แนะนำให้ทานอาหารตามลำดับ

การทานอาหารอย่างเป็นลำดับมีส่วนช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีและส่งเสริมการสร้างพลังงานที่ดีต่อร่างกาย แถมยังทำให้ผอมเร็วลและไขมันลดลง โดยการทานอาหารเช้าตามลำดับ ดังนี้

ทานอาหารที่เป็นของเหลวลำดับแรก >>> ตามด้วยอาหารที่เป็นของแข็ง (เซลลูโลส, โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต)
ลำดับสถานะของแข็ง: ทานเซลลูโลส >>> โปรตีน >>> คาร์โบไฮเดรต

เนื่องจากการดื่มของเหลวก่อนทานอาหาร เช่น น้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ จะช่วยเรื่องการย่อยอาหารแข็งที่ทานเข้าไปทีหลัง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งร่างกายสามารถนำสารอาหารต่างๆไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

โทษของการไม่รับประทานอาหารเช้า

จากผลการวิจัยพบว่า การไม่ทานอาหารเช้าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคกระเพาะ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ และทำให้ไขมันสะสมอยู่ในร่างกายมากยิ่งขึ้น