Now Reading
เช็กตัวเองก่อน! ความแตกต่างระหว่าง ความเครียด VS โรคซึมเศร้า

เช็กตัวเองก่อน! ความแตกต่างระหว่าง ความเครียด VS โรคซึมเศร้า

ช่วงปีที่ผ่านมานี้พบว่าประชากรที่มีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งอาการของโรคซึมเศร้านั้น บางคนเป็นแบบรู้ตัวและบางคนก็ไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในสภาวะโรคนี้อยู่ และอาจจะสับสนระหว่างความเครียดกับโรคซึมเศร้า ต้องบอกก่อนว่าสองโรคนี้ไม่เหมือนกันนะคะ เพราะงั้นแนวความคิดของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างแท้จริงจะแตกต่างจากคนที่มีภาวะความเครียดค่อนข้างเยอะ เอาเป็นว่าลองไปเช็กลิสต์ตัวเองกันก่อนว่า.. ตกลงแล้วลงคุณเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าหรือแค่มีความเครียดกันแน่

ภาวะความเครียด (Stress)

ความเครียด คือ เรื่องราวนึกคิดที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ของเรา และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยอีกด้วย อย่างเช่น นักเรียนเตรียมสอบ, ทะเลาะกับครอบครัว  หรือการมีเงินไม่พอใช้ สาเหตุธรรมดาแบบนี้ที่ทำให้เราเกิดความเครียดได้อย่างมากมายมหาศาล และพบได้อย่างน้อย 80% ต่อช่วงอายุคนเลยทีเดียว ซึ่งความเครียดส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพจนเกิดผลกระทบต่างๆ ในชีวิต บางคนถึงกับนอนไม่หลับคิดกังวลเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนต้องกินยาแก้เครียด (ควรทานเมื่อแพทย์สั่งเท่านั้น) แต่หลายคนเลือกที่จะกำจัดความเครียดด้วยตัวเองด้วยการออกไปช้อปปิ้ง หรือนัดเจอเพื่อน หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติเช่นเคย เพราะฉะนั้นอาการแบบนี้ถือว่าเป็นแค่ ‘ความเครียด’ จากเหตุการณ์ที่ยังแก้ไม่ได้ ยังไม่ใช่โรคซึมเศร้าแน่นอน เพราะงั้นเราไปเช็กกันค่ะว่าคนที่มีความเครียดมักมีอาการอย่างไรบ้าง

อาการของคนที่มีความเครียด

  • สมาธิสั้นลง จดจ่อกับสิ่งที่ทำไม่ค่อยได้
  • นอนไม่หลับ
  • ความจำสั้น
  • ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร
  • อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายในเรื่องเล็กน้อย
  • เบื่ออาหาร / กินเยอะผิดปกติ
  • รู้สึกเหมือนจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปไม่ได้
  • ไม่มีอารมณ์ทำงานหรือเรียนแบบปกติ

 

โรคซึมเศร้า (Depression)

โรคซึมเศร้าเป็นโรคหนึ่งที่ส่งผลต่อจิตใจอย่างรุนแรงจนถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตสูงมากๆ คนที่เป็นไม่ใช่ว่าจะผ่านเหตุการณ์บางอย่างไปได้ง่ายๆ เหมือนกับคนที่มีภาวะเครียดหรือคนปกติธรรมดาทั่วไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเขาจะจำฝังใจอยู่ในสมองและสามารถดึงมาคิดได้ทุกครั้งที่มีอาการท้อแท้ใจ  บุคคลที่มีอาการของโรคซึมเศร้าจริงๆ บางครั้งเราแทบดูไม่ออกด้วยซ้ำ อาจจะมีบุคลิกภาพที่ดี เก่ง ฉลาด อารมณ์ขัน แต่ใครจะรู้ว่าในทุกๆ คืน บุคคลที่เป็นโรคนี้อาจคิดทำร้ายร่างกายตัวเองอยู่ตลอดเวลา

โรคซึมเศร้าไม่สามารถหายด้วยตนเองได้นะคะ การรักษาที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะมีหลายสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า อย่างเช่นการเจอเรื่องเลวร้ายมาเป็นเวลาหลายปี สถานการณ์กดดันที่สุดในชีวิต หรือเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจหดหู่ยาวนานมาตลอดหลายปี และอีกหลายปัจจัย ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีส่วนทำให้สารเคมีในสมองมีความผิดปกติกลายเป็นความเศร้าครอบคลุมจิตใจของคนเป็นโรคนี้อยู่ตลอดเวลา

อาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า

  • สิ้นหวังและท้อแท้ตลอดเวลา
  • เก็บทุกคำพูดที่ไม่ดีมาคิดกังวล
  • ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำทุกๆ อย่าง
  • นอนมากหรือน้อยกว่าปกติ
  • ตัดสินใจทุกอย่างว่าเป็นเรื่องแย่ๆ
  • คิดเสมอว่าตัวเองดีไม่พอ
  • มองว่าตัวเองไม่มีค่า
  • เหนื่อยตลอดเวลา
  • ไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งที่ชอบได้
  • รู้สึกผิด รู้สึกแย่ตลอดเวลา
  • คิดถึงเรื่องไม่ดีที่เคยเกิดขึ้นตลอดเวลา
  • ไม่สามารถก้าวผ่านหรือลืมเหตุการณ์บางอย่างไปได้แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
  • ส่งผลกระทบต่อชีวิตจนไม่เป็นอันทำอะไร
  • อยากฆ่าตัวตาย
  • มีอาการที่กล่าวมาข้างต้นต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์

 

เพราะฉะนั้นเมื่อลองเช็กกันดูแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงใดก็ตาม แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด บางอย่างไม่ควรเก็บไว้คนเดียว พอได้ระบายและพูดคุยออกไปบ้างอาจจะดีขึ้นก็ได้ หลายปัญหาอาจแก้ไม่ได้ในทันที แต่อย่างน้อยการที่มีคนรับฟังก็จะช่วยให้ทุกอย่างเบาลงได้เสมอ อย่าคิดว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวในโลก หากรู้ตัวต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเลยนะคะ

cr : pakutaso

 

View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top