
กลัวที่จะทำงานร่วมกับคนอื่น ไปงานปาร์ตี้คนเดียว หลบหน้าไม่ยอมพบเจอใคร หรือแม้แต่ไม่ยอมเชิญคนอื่นมางานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตัวเอง. . .หากเราเคยรู้สึกทำนองนี้ อาจเป็นไปได้ว่ากำลังป่วยเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety Disorder) อยู่ค่ะ
thesun
โรคนี้ไม่ได้กระทบแค่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมเท่านั้นนะคะ แต่ยังกระเทือนไปถึงจิตใจกับความรู้สึกด้วย และขืนปล่อยไว้ก็จะแยกเราให้ออกห่างจากการติดต่อพบปะผู้คน ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
แต่ไม่นานมานี้ได้มีงานวิจัยค้นพบยาต้านอาการกลัวการเข้าสังคมแล้วค่ะ
“กิมจิ” แก้อาการขยาดผู้คน
greenmedinfo
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารประจำชาติตัวนี้หรือเปล่า ที่ทำให้คนเกาหลีขึ้นชื่อว่าเป็นชาติที่เอนเตอร์เทนผู้คนได้อย่าง เอ็นจอย ต้องบอกก่อนว่างานวิจัยดังกล่าวเกิดจากสมมติฐานที่ว่า “ผลของการไดเอทส่งผลต่อสุขภาพจิต” ศาสตราจารย์ Matthew Hilimire และ Catherine Forestell จาก William & Mary ร่วมกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ Jordan DeVylde จากมหาวิทยาลัย Maryland ได้เลือกใช้อาหารหมักซึ่งมีโพรไบโอติกและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูงอย่างกิมจิ มิโซะ และโยเกิร์ตมาทำการทดลอง
bluejeanmama
พวกเขาเลือกกลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาจำนวน 700 คน จากสถาบัน William & Mary โดยสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับปริมาณอาหารหมักที่กินภายใน 30 วันที่ผ่านมา รวมทั้งให้ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ 5 แบบ และแบบประเมินวัดระดับความเป็นโรคกลัวสังคม พวกเขาพบว่านักศึกษาที่รับประทานอาหารหมักมากมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมต่ำ
ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าโพรไบโอติกในอาหารหมักเหล่านั้นช่วยลดอาการเครียดและหวาดกลัวการเข้าสังคมได้อย่างไร ซึ่งต้องทำการศึกษาต่อไป แต่ที่แน่ๆ โพรไบโอติกมีส่วนช่วยลดเนื้องอกในลำไส้ และเพิ่มกาบาหรือสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความกังวลค่ะ
กิมจิดีต่อสุขภาพจิต?
tumblr
แม้ไม่มีงานวิจัยชี้ชัดว่ากิมจิและอาหารหมักอื่นๆ ช่วยบรรเทาอาการหวาดกลัวสังคมได้ตรงๆ แต่อย่างน้อยประโยชน์จากโพรไบโอติกและจุลินทรีย์ที่ได้จากอาหารเหล่านี้ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะแบคทีเรียดีที่ไปเติบโตในลำไส้จะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ปกติ เมื่อสุขภาพกายดีแล้ว ก็ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ในการทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจ ไม่ต้องคอยกังวลอาการไม่พึงประสงค์ในลำไส้เวลาออกไปพบปะผู้คนค่ะ
กิมจิกับการไดเอท
วันนี้ AkeruFeed ก็ไม่พลาดนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการประยุกต์กิมจิและอาหารหมักอย่างอื่นเข้ามาใส่ในโปรแกรมการไดเอตมาฝากสาวๆ ค่ะ เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์โพรไบโอติกให้กับร่างกายมากขึ้น
เลือกอาหารหมักธรรมชาติ
rosannadavisionnutrition
ยิ่งผ่านการปรุงแต่งน้อยเท่าไหร่ โพรไบโอติกยิ่งสูง “การหมัก” เป็นแค่กรรมวิธีในการแปรรูปอาหาร ซึ่งช่วยเพิ่มแบคทีเรียชั้นดีในอาหารเท่านั้น แต่ถ้าแต่งเติมสีหรือกลิ่นอย่างอื่นเข้าไปอีกก็จะลดคุณค่าทางอาหารและเพิ่มแคลอรี่แทนค่ะ สาวๆ ควรเลือกอาหารหมักที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ เลย อย่างโยเกิร์ตรสธรรมชาติ
อย่าเอามาทำอาหาร
travelingeast
แนะนำว่าให้กินกิมจิและอาหารหมักอื่นๆ แบบสดๆ เลยค่ะ ไม่ต้องไปผ่านกระบวนการทอด ต้ม นึ่ง อุ่น ตุ๋น อะไรทั้งนั้น เพราะอุณหภูมิความร้อนจะทำลายจุลินทรีย์ในอาหารนั่นเอง
ทำกินเอง
discuss
ทั้งง่าย ประหยัด และมั่นใจว่าดีชัวร์ ก็ต้องทำกินเองเลยค่ะ แน่นอนว่ามีสูตรกิมจิมากมายที่ให้สาวๆ เลือกทำในอินเตอร์เน็ต
กินแต่พอดี
กฎของการกินไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ต้องอยู่ที่คำว่า “ความพอดี” ค่ะ ถึงจะได้ประโยชน์ หากเราเป็นมือใหม่หัดกิน ก็ยังไม่ต้องจัดหนักจัดเต็ม แนะนำว่าให้กินกิมจิหรืออาหารหมักอย่างอื่นแค่ครึ่งถ้วยกาแฟก็พอ ปริมาณเบาๆ แต่เน้นกินทุกวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบย่อยอาหารของแต่ละคนด้วยนะคะ
ลองของใหม่
orgaanicconnectmag
ถ้ากิมจิมันน่าเบื่อ ไม่อร่อยลิ้นพอ ก็เปลี่ยนไปกินอาหารหมักอย่างอื่นที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาหมักคอมบูชา ชีส โยเกิร์ต มิโซะ หรือกะหล่ำปลีดองซาวเคราท์ที่กินคู่ไส้กรอกเยอรมันก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ
ถือเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ดีและมีประโยชน์จริงๆ ค่ะ ใครว่าอาหารสุขภาพต้องกินเฉพาะของสดเท่านั้นกันล่ะคะ กิมจิและของหมักอื่นๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการป่วยทั้งกายและใจได้ไม่แพ้กันค่ะ
การเดินทางที่ดีที่สุดของเราคือ อ่านหนังสือเยอะๆ เขียนหนังสือมากๆ เพราะการอ่านดับการเขียนเป็นเหมือนการสื่อสารกับมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต่างต้องพูดและฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองใหม่ๆ