9 นิสัยทำร้ายสุขภาพ อยากสวยดูดีต้องเลิกทำ

เดี๋ยวนี้สวยอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และแน่นอนว่ารูปร่างที่เป๊ะก็ไม่ใช่คำตอบของการมีสุขภาพอนามัยที่ดีเช่นกัน เพราะสาวๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีแต่ยังแอบมีพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านี้อยู่ความสวยที่ว่าอาจไม่คงอยู่ถาวร และเผลอทำร้ายสุขภาพใหเ้แย่ลงได้แบบบไม่รู้ตัว วันนี้เราจะพาสาวๆไปเปิดเผยความลับปรับเปลี่ยนนิสัย เลิกทำ 9 นิสัยที่ส่งผลร้ายกับตัวเราในอนาคต รู้แล้วรีบแก้พร้อมเปลี่ยนเป็นคนใหม่กันค่ะ

1.ใส่เสื้อผ้าที่คับแน่น

เสื้อผ้ารัดรูป เช่น กางเกงหนังกางเกงยีนส์ ฯลฯ ใส่แล้วอาจดูมีความทันสมัยจริงๆ แต่เสื้อผ้ารัดรูปเหล่านี้อาจกำลังส่งผลร้ายต่อสุขภาพของสาวๆ เพราะเสื้อผ้าที่รัดรูปเกินไปอาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตทำให้ขาชาใช้ชีวิตไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำให้ผิวหนังเกิดการเสียดสีจนเกิดแผล รอยด่างดำกับผิว ผิวถูกทำร้าย ดังนั้นควรใช้ครีมบำรุงทาดูแลผิวบริเวณที่สวมเสื้อผ้ารัดเมื่อจำเป็น และปรับเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าหลวมใส่สบาย เพื่อลดการทำร้ายผิวช่วยให้เลือดในร่างกายไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น

2. เล่นโทรศัพท์ขณะรับประทานอาหาร

นิสัยการทานอาหารไปด้วยเล่นโทรศัพท์ไปด้วยอาจส่งผลร้ายแก่สาวๆ ได้ เพราะในขณะที่เราก้มมองโทรศัพท์แล้วทานอาหารไปพร้อมกัน สมองจะใช้พลังงานในการคิดประมวลผลทำให้เลือดที่ไหลผ่านไปสู่กระเพาะเข้มข้นขึ้นทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเพราะเมื่อเรามีจดจ่อกับการกินไปพร้อมๆกับเล่นมือถือ ร่างกายจะสั่งการให้เราทานอาหารได้เรื่อยๆไม่รู้สึกอิ่ม จนทำให้ทานเยอะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาเกินแบบไม่รุูตัว

3. ก้มโค้งเมื่อยกของหนัก

ผู้หญิงเดี๋ยวนี้กลายเป็นหญิงแกร่งที่ไม่จำเป็นต้องง้อขอความช่วยเหลือจากผู้ชาย สามารถยกของหนักเองบ่อยครั้ง แต่พฤติกรรมการยกของโดยการโค้งงอหรือถือของหนักอยู่บ่อยๆ ส่วนโค้งงอด้านหลังจะทำให้เอวออกแรงอย่างกะทันหันซึ่งอาจเป็นสาเหตุอันตรายรุนแรงต่อกระดูกหลังในระยะยาว รวมไปถึงมดลูก จึงแนะนำว่าไม่ควรยกของหนักบ่อยเกินไป หากหลีกเลี่ยงไม่ได้พยายามใช้เครื่องทุ่นแรง หรือลากสิ่งของเข้าใกล้ตัวให้มากที่สุด เพื่อไม่หลังโค้งตึงซึ่งอาจเป็นอันตรายรุนแรงที่น่ากลัว

4.ทานอาหารร้อนจัด

ถึงแม้ว่าการอาหารร้อนจะเป็นตัวชี้วัดของการมีสุขภาพอนามัยที่ดี แต่การทานอาหารร้อนจัดอยู่บ่อยครั้งอาจกำลังทำร้ายร่างกายอวัยวะภายในอยู่ก็เป็นได้ มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการกินอาหารร้อนจัดอาจทำให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารเนื่องจากอุณหภูมิของอาหารสูงเกินไปจะเข้าไปทำลายเยื่อเมือกในหลอดอาหารทำลายเซลล์หลอดอาหาร จนนำไปสู่ปัญหาการเกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังนั้นอย่านำอาหารที่เพิ่งผ่านการทำมาสดใหม่ๆแบบร้อนจัดเข้าปากทานทันที ระวังหลอดลมจะถูกทำร้ายได้ในระยะยาว

5.ดื่มชากาแฟมากเกินไป

ถึงแม้ว่าการดื่มชากาแฟจะเป็นตัวช่วยสร้างความเฟรชทำให้เรารู้สึกสดชื่น มีแรงทำงานในระหว่าง แต่การทานไปนานๆ เป็นประจำก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถปลุกความเฟรชที่มีในตัวเองขึ้นมาเองได้ อีกทั้งการทานชา กาแฟที่มีคาเฟอีนมากเกินไป อาจส่งผลต่ออาการนอนไม่หลับในตอนดึกทำให้หงุดหงิดอารมณ์เสียในระหว่างวัน ไม่สบายท้อง ลองลดการดื่มให้น้อยลง แล้วฝึกเข้านอนไว เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

6.ติดนั่งไขว้หาง

พฤติกรรมการนั่งไขว้ห้างเป็นสิ่งประจำกายที่ทุกคนมักเผลอทำ เพราะเป็นท่านั่งสะดวกแต่การยกขาขึ้นมาไขว่ห้างบ่อยครั้ง มีโอกาสทำให้กระดูกเชิงกรานเอียง เมื่อเวลาผ่านไปกระดุกหลังจะอักเสบจนรู้สึกเจ็บส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพของกระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อรอบข้างบริเวรกระดูกสันหลังจะถูกกดทับจนอาจก่อให้เกิดปัญหาทางกระดูกที่เรื้อรังจนเป็นอาการเจ็บปวดในระยะยาวที่แก้ได้ยาก

50 ไอเดียแต่งตัวเท่ๆ ผู้หญิงตัวเล็ก เปลี่ยนลุค เพิ่มความคูลแบบปังๆ

7.ชอบนอนคว่ำ

หลายคนมีพฤติกรรมชอบนอนหลับในท่านอนคว่ำหน้า นอกจากจะทำให้ใบหน้าอาจเหี่ยวย่น ถูกทำร้าย ริ้วรอยแอบทักทายก่อนวัย การนอนคว่ำบ่อยๆ ยังส่งผลร้ายไปยังอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายที่ถูกกดทับส่งผลต่อระบบหัวใจและระบบเส้นประสาทในระยะยาวก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของกระดูกสันหลังส่วนคอเกิดความเหนื่อยล้าที่เป็นผลจากความเสียหายของการนอนผิดท่าที่มักทำกันเป็นประจำ

8.กลั้นการจาม

การจามในที่สาธารณะอาจดูเป็นการไร้ซึ่งมารยาท ดูไม่ดีในสายตาคนรอบข้างหลายคนจึงเลือกที่จะกลั้นการจามด้วยการ เอามือมาบีบจมูก และเม้มปากตัวเอง การทำเช่นนี้บ่อยๆถือว่าอันตรายมาก เพราะแรงดันในช่องคอและทางเดินหายใจส่วนบนจะสูงมากอาจทำให้ด้านหลังของช่องคอเกิดการฉีกขาด แก้วหู ทะลุ หรือปอดรั่วได้ บางคนถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตก เพราะฉะนั้นอย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเอามือมาบีบจมูกและเม้มปากเวลาจาม ปล่อยให้จามมีเสียงดังตามธรรมชาติดีกว่า อาจจะลดการจามด้วยการเอามือปิดปาก พกพาเช็ดหน้า ทิชชูติดตัวก็ช่วยลดเสียงดังทำให้การจามไม่ดูน่ารังเกียจในสายตาคนรอบข้างได้ดีกว่าเดิม

9.ไม่ทำความสะอาดฝาชักโครก

การทำความสะอาดห้องน้ำอาจเป็นเรื่องที่หลายคนคงทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การมองข้ามการทำความสะอาดฝาชักโครกหลังใช้อาจนำพาเชื้อโรค แบคทีเรียให้ตามมาสะสมบนร่างกายของเราได้ โดยเฉพาะเชื้อ E. coli สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหารในคน เนื่องจากการสัมผัสกับฝาชักโครกหลังใช้งานจากห้องน้ำโดยไม่รู้ตัว หากสาวๆอยากดูแลสุขลักษณะที่ดี นอกเหนือจากการทำความสะอาดห้องน้ำ ลองใส่ใจสละเวลาเช็ดล้างฆ่าเชื้อฝาชักโครกบ่อยๆเป็นประจำ ก็ช่วยสร้างสุขนิสัยที่ดีห่างไกลเชื้อโรคได้ขึ้นเยอะกว่าเดิม

อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพความสวยของสาวๆได้ในระยะยาว ลองปรับนิสัยเปลี่ยนแปลงตัวเองกันตั้งแต่วันนี้ สิ่งดีดีก็พร้อมรอเราอยู่ตรงหน้าแน่นอนค่ะ