
แนวเขาลาดต่ำที่อุดมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ หมอกหนาปกคลุมแอ่งกักเก็บน้ำของ Hornstrandir แห่งนี้ เหมาะแก่ผู้ที่รักการสำรวจธรรมชาติ เพราะเราจะได้สัมผัสทั้งอากาศเย็นสบาย ดูนกหลากหลายสายพันธุ์ ปีนเขาฝ่าทะเลหมอก และล่องเรือชมทัศนียถาพโดยรอบอย่างใกล้ชิด
ทะเลสาบ Blue Lagoon แห่งนี้ช่วยให้ผู้คนผ่อนคลายด้วยน้ำสีฟ้าใสสะอาดอุณหภูมิ 37- 39 องศากำลังดี ที่อุดมไปด้วยแร่ซิลิกาและซัลเฟอร์ ซึ่งสกัดจากลาวาภูเขาไฟ ที่สำคัญยังสามารถรักษาโรคผิวหนังต่างๆ ได้
Gullfoss ต้นกำเนิดน้ำตกแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเกือบกลายเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปแล้ว โชคดีที่ Gullfoss ยังคงเป็นแหล่งธรรมชาติที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม และปรากฏตัวอยู่ในผลงานเพลงและภาพยนตร์ของยุโรปอยู่บ่อยครั้ง
แม้จะไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่ Kirkjufell จัดว่าเป็นน้ำตกที่คนรักความเสี่ยงต้องไปเยือนสักครั้ง โดยระดับน้ำตกแบ่งเป็นสามชั้น ภูเขาลาดชันลดหลั่นลงมา มองดูไกลๆ คล้ายทรงหมวกแม่มดนั้นช่างท้าทายนักปีนเขาทั้งหลายให้ลองไปสัมผัสได้ดีทีเดียว
Strokkur Geyser
@flickr
ปรากฏการณ์ผืนน้ำบรรจบแผ่นฟ้าได้เกิดขึ้นแล้วที่ Strokkur Geyser ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจไปกับน้ำพุร้อนที่พุ่งสูง โดยมักจะปะทุขึ้นทุกๆ 8 – 10 นาที แต่ละครั้งมักพุ่งสูง 15- 20 เมตร และเคยพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 40 เมตร
Skaftafell Waterfall
@photoshelter
อุทยานแห่งชาติ Skaftafell นอกจากจะมีแมกไม้หลายหลาก นกนานาสายพันธุ์ และสุนัขจิ้งจอกอาร์กติกแล้ว น้ำตก Svartifoss ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางน้ำที่ไหลลงผ่านชั้นหินบะซอลต์สีดำแห่งนี้
Jökulsárlón ทะเลสาบธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ใน Iceland นอกจากจะได้สัมผัสความเย็นแล้ว เรายังได้ชมแสงสวยๆ ที่สะท้อนเรื่อเรืองออกมาของก้อนน้ำแข็งในยามค่ำคืนอีกด้วย และนี่ก็ทำให้ Jökulsárlón กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของ Iceland
พื้นที่รูปเกือกม้า ยาว 3.5 กิโลเมตร กว้าง 1.1 กิโลเมตร Asbyrgi แห่งนี้ มีตำนานเล่าขานว่าพื้นที่รูปเกือกม้ามาจากรอยเท้าของ Slippy ม้าแปดขาของเทพโอดินซึ่งเป็นเทพเจ้าที่สูงที่สุดของยุโรปเหนือ ที่นี่มีบริการ riding tour และ driving tour ที่จะพาผู้คนเที่ยวชมหุบเขานี้ทุกซอกทุกมุม
Reynisfjara Beach ฉีกกฎความสวยทะเลแบบเดิมๆ ที่ต้องเป็นหาดทรายขาว เพราะเราจะได้สัมผัสชายหาดกรวดดำ และหน้าผาหินบะซอลต์ที่เรียงรายคล้ายพีระมิดหิน ซึ่งสวยงามตระการตาไปอีกแบบ
ปิดท้ายด้วยการไปตามรอยซีรีส์กระแสฮอตอย่าง Game of Thrones โดยครั้งหนึ่ง Grjótagjá เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากในตอนที่ 5 ของซีซันสาม “Kissed by Fire” แต่เดิมถ้ำลาวาแห่งนี้เคยเป็นที่ที่ผู้คนลงอาบกัน แต่เพราะความร้อนพุ่งขึ้นถึง 50 องศา จึงทำให้ผู้คนย้ายไปลงเล่นน้ำในถ้ำลาวาที่อื่นแทน ปัจจุบัน Grjótagjá ก็คงเป็นถ้ำลาวาอีกแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม
เห็นอย่างนี้แล้วหลายคนคงอยากไปสถานที่ 10 แห่งนี้ เพื่อให้เห็นกับตากับสถานที่จริงจะสวยกว่าในรูปแค่ไหนใช่ไหมล่ะคะ หากใครกำลังแผนเที่ยวต่างประเทศอยู่ละก็ ลองให้ Iceland เป็นหนึ่งในลิสต์เที่ยวครั้งต่อไปสิคะ
ที่มา : Popsugar
การเดินทางที่ดีที่สุดของเราคือ อ่านหนังสือเยอะๆ เขียนหนังสือมากๆ เพราะการอ่านดับการเขียนเป็นเหมือนการสื่อสารกับมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต่างต้องพูดและฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองใหม่ๆ