Now Reading
บทสรุป!! จุดเด่นของ iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X เห็นแล้วต้องร้อง ว้าว!!

บทสรุป!! จุดเด่นของ iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X เห็นแล้วต้องร้อง ว้าว!!

หลังจากที่ไอโฟน iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X (ไอโฟนเท็น) เพิ่งจะได้เปิดตัวไป ก็ได้เรียกเสียงฮืิอฮาจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์กันไปแล้วนั้น ไอโฟนรุ่นใหม่นี้ เรียกได้ว่ามีลูกเล่นใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากไอโฟนรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด มาดูกันว่ามีอะไรใหม่บ้าง 

iPhone 8 และ iPhone 8 Plus

iPhone 8 iPhone 8 Plus

iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังคงมีขนาดหน้าจอเท่าเดิม เพิ่มลูกเล่นบนหน้าจอ Retina HD ที่มีเทคโนโลยี True Tone สามารถปรับหน้าจอให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ อีกทั้งหน้าจอรองรับ wide color gamut  ทำให้จอแสดงผลสมจริงมากยิ่งขึ้น

นอกจากจอแสดงผลที่สมจริงแล้ว ระบบเซนเซอร์กล้อง 12 ล้านพิกเซล ที่ใหญ่และเร็วกว่าเดิม มีระบบออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้น ให้สีที่สมจริง รายละเอียดภาพก็เก็บได้ชัดเจนมากขึ้น มีโหมดใหม่ที่เรียกว่า Portrait Lightning สามารถจับโครงหน้าของเรา แล้วสร้างเอฟเฟ็กต์แสงแบบที่ใช้ในสตูดิโอได้อีกด้วย

นอกจากนี้กล้องของไอโฟนรุ่นนี้ยังใช้งานกับ AR ได้สมจริงมากยิ่งขึ้น รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย สามารถใช้งานกับที่ชาร์จ Qi ที่วางขายตามท้องตลาดได้ทันที

iPhone 8 iPhone 8 Plus iphone x

iPhone 8 จะมีให้เลือก 2 ความจุ คือ 64 GB ( 699 ดอลลาร์) และ 256 GB (849 ดอลลาร์) และสำหรับ iPhone 8 Plus จะมี 2 ความจุ เช่นกันคือ 64 GB (799 ดอลลาร์) และขนาดความจุ 256 GB (949 ดอลลาร์)

โดยไอโฟน 8 และ 8 Plus เปิดรับจองในวันที่ 15 กันยายนนี้ ส่วนวันขายจริงในต่างประเทศคือ 22 กันยายน ส่วนในบ้านเราจะมาเมื่อไร ต้องคอยติดตามอีกทีจ้า

เรียกได้ว่าการพัฒนาของไอโฟน 8 และ 8 Plus ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากรุ่นก่อนหน้ามาตามลำดับ โดยเปลี่ยนดีไซน์จากอลูมิเนียมเป็นกระจก ระบบชาร์จไร้สาย ฮาร์ดแวร์ประมวลผล AR ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากเท่ากับไอโฟนเท็น ที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก มันล้ำเสียจนอยากได้ เอาล่ะเราไปดูไอโฟนเท็นกัน

iPhone X

iPhone X

ไอโฟนเท็น อีกหนึ่งการรอคอย ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อ ฉลองครบรอบ 10 ปีของไอโฟน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงถึงแนวทางการพัฒนาไอโฟนในอนาคต เรามาดูฟีเจอร์เด่น ๆ ของไอโฟนเท็นกัน

ไอโฟนเท็นทำมาจากกระจกและสแตนเลส หน้าจอไร้ขอบ กันน้ำและฝุ่น ไม่มีปุ่มโฮม หน้าจอ Super Retina Display 5.8 นิ้ว พร้อมความละเอียด 458 พิกเซล และมาในสี Space Gray และ Silver

https://youtu.be/3proCo3FFYI

See Also

ส่วนการใช้งาน AR ก็สมจริงกว่าเดิม ถ่ายภาพได้นิ่งและสมจริงกว่าเดิม กล้องหลังเป็นแนวตั้ง มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล อีกทั้งมีระบบกันสั่นแบบ OIS เก็บรายละเอียดภาพได้ดีขึ้นด้วย ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบ TrueDepth ที่ทำให้ภาพได้คุณภาพดีกว่าเดิม อีกทั้งยังมีระบบ Portrait Lighting เช่นกันเหมือนกับไอโฟน 8 และ 8 Plus

ชิพ A11 Bionic ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ทางแอปเปิลก็เคลมมาว่าเป็นชิพที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะมาพร้อมกับระบบการคิดแบบนิวรอลสูงสุดถึง 6 แสนล้านรายการต่อวินาที และอีกเรื่องที่คนชอบตำหนินักหนาอย่างแบตเตอรี่ในครั้งนี้ก็มีการพัฒนาให้ใช้งานต่อเนื่องได้ราวๆ 14 – 16 ชั่วโมง (หรือยาวกว่าไอโฟนเจ็ด 2 ชั่วโมงเลยนะ) รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายอีกด้วย

 Face ID ระบบแสกนใบหน้า

face id

นอกจากนี้ยังสามารถปลดล็อก และทำการซื้อของต่าง ๆ ด้วยการแสกนใบหน้า หรือ Face ID เหมือนกับ Touch ID แต่ไม่สามารถแสกนหน้าที่อยู่บนภาพถ่ายได้แน่นอน รับรองได้ถึงความปลอดภัย อีกทั้งแสงอินฟาเรดจากมือถือที่ฉายออกมา ยังสามารถแสกนใบหน้าในที่มืดได้อีกด้วย ล้ำไปอีก!!

Animoji อีโมติคอนแสดงอารมณ์

Animoji

และอีกหนึ่งของเล่นใหม่ที่ขาดไม่ได้ต้องแนะนำก็คือ Animoji สามารถจับสีหน้าและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ นำมาสร้างเป็น Animation ให้กับอีโมจิ ราวกับเป็นหน้าของเรา แล้วอัดวีดิโอส่งผ่าน iMessage ได้ น่ารักอ่ะ ชอบบบบ!

ส่วนราคาของไอโฟนเท็นรุ่น 64 GB (999 ดอลลาร์) และ รุ่น 256 GB (1,149  ดอลลาร์) เลยทีเดียว โดยจะเริ่มเปิดให้จอง iPhone X ในวันที่ 27 ตุลาคม ใน 55 ประเทศ (ยังไม่มีประเทศไทย) และจะมีการวางขายจริงในวันที่ 3 พฤศจิกายนจ้า

ที่มา digitaltrends, cnetpetapixel
View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top