ในเดือนนี้เป็นที่รู้กันดีว่ามักจะมีโครงการดีๆ และรายการอีกมากมายร่วมพร้อมใจกันจัดทำสกู๊ปเพื่อน้อมระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9
แต่ครั้งนี้เรามีภาพยนตร์สารคดีดีๆ มาบอกต่อแล้วก็อยากจะชวนให้ทุกคนไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้กัน สำหรับภาพยนตร์สารคดีที่จะมาบอกต่อกันวันนี้คือภาพยนตร์สารคดีที่จะช่วยสร้างแรงบรรดาลใจในการเดินทางของทุกคนและยังได้ร่วมเดินทางย้อนกลับไปหาความทรงจำที่มีค่าของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ของชาวไทยทุกคน นั้นก็คือเรื่อง “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ” (The Journey) ผู้จัดเรื่องนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นนักแสดงอย่างคุณโดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ที่มีความคิดจะสร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นความคิดแบบกระทันหันในวันที่ได้ทราบข่าวร้ายในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยที่เป็นวันเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 คุณโดนัทในตอนนั้นจะเดินทางไปเที่ยวยุโรปพอดีและเกิดเปลี่ยนใจเดินทางไปเมืองโลซานน์ ณ วันนั้น เพียงเพราะอยากจะเยียวยาความรู้สึกเสียใจจากการสูญเสียครั้งนั้น ก็เลยอยากที่จะเดินทางไปในที่ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เคยไปหรือได้เห็นในสิ่งที่ท่านทำก็เลยเกิดเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ขึ้น
ที่มา : สำนักข่าวทีนิวส์
ความพิเศษของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้รวบรวมการเดินทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปีพ.ศ.2476 ถึง 2494 ผ่านพระราชหัตถเลขา (จดหมาย) และไปรษณียบัตร รวมถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ วีดิทัศน์พระราชทานสัมภาษณ์ และสัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่เคยถวายงานพระองค์
บอกเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งเสด็จประทับที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อและความสนพระราชหฤทัยในศิลปะดนตรีและการถ่ายภาพ
รวมถึงช่วงเวลาที่พระองค์ทรงพบสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นครั้งแรกที่ Fontainebleau ชานกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จนกระทั่งทั้งสองพระองค์เสด็จนิวัติประเทศไทย โดยบันทึกการเดินทางไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9
โดยบันทึกการเดินทางไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้นำมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ชาวไทยทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้พระะองค์ท่านทรงเป็นที่รัก และสถิตอยู่ในใจของชาวไทยมายาวนานขนาดนี้
และสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สารคดีที่คนไทยทุกคนควรจะต้องดูเพราะว่าเรื่องนี้คุณโดนัทได้เรียบเรียงใหม่จากพระราชหัตถเลขา (จดหมาย) ฉบับจริงที่เขียนจากลายมือของสมเด็จย่า ที่เขียนจดหมายเล่าถึงการเดินทางขณะนั่งเรือเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยเป็นระยะทาง 9188 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางยาวนานถึงหนึ่งเดือน!!
และจดหมายฉบับจริงนี้คุณโดนัทได้จากคุณลีซองดร์ ไซไรดารีส นักเขียนชาวสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นลูกชายของนายเกลย์อง เซไรดาริส อดีตครูที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 8 และยังเป็นผู้ประพันธ์หนังสือเรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเจ้านายไทยในโลซานน์ นอกจากนี้กว่าจะได้เห็นจดหมายฉบับจริงคุณโดนัทต้องเดินทางไปขอร้องจากคุณลีซองดร์ถึงสามครั้ง
ส่วนการถ่ายทำเรื่องนี้ได้เดินทางไปที่เมืองโลซานน์ถึงสามครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งการสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาได้ขออนุญาตและได้รับความช่วยเหลือได้ตรวจทานคำราชาศัพท์ เอกสารที่ได้อ้างอิงในเรื่องนี้จากสำนักราชเลขาอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้ถวายงานในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ถวายงานรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ 9 มานานกว่า 35 ปี ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงให้พรวันเกิดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “งานยังไม่เสร็จ” เป็นหนึ่งคำอวยพรที่ทำให้ฟังแล้วรับรู้ได้เลยว่าท่านทรงงานหนักเพื่อพวกเรามากแค่ไหน
ล่าสุดภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เพิ่งจะทำการตัดต่อเสร็จไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา วันนี้เราก็เอาตัวอย่างมาฝากทุกคนให้ติดตามกัน เพราะหากพลาดเรื่องนี้ถือว่าพลาดเรื่องราวความทรงจำในอดีตของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ไปจริงๆ เพราะแน่นอนว่าเกิดเป็นลูกของพ่อในแผ่นดินไทยเราก็ควรจะทราบเรื่องราวของพระองค์และเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำเพื่อบอกต่อลูกหลานของเราถึงสิ่งที่ท่านได้เสียสละเพื่อประชาชนของท่านอย่างหาที่สุดมิได้
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการน้อมระลึกถึงพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นที่รักของพวกเราชาวไทยทุกคน จึงได้ทำการฉายเรื่องนี้ให้ชาวไทยได้ชมกันแบบฟรีๆ ในวันที่ 12 – 15 ตุลาคมนี้ ณ โรงภาพยนตร์ SF ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยในวันที่ 12 และ 15 ตุลาคม ฉายที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ในเขตกรุงเทพฯ และ วันที่ ๑๓ – ๑๔ ฉายที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 12-13 ตุลาคม ณ ห้องออดิทอเรี่ยมหอศิลปกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งหมด 6 รอบ โดยรอบฉายในวันที่12 ตุลาคม ได้แก่ 13.00 น. 15.00 น. และ 19.00 น. และรอบฉายในวันที่ 13 ตุลาคม ได้แก่ 15.00 น. 17.00 น. และ 19.00 น. สวนระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม ณ แบงค็อก สกรีนนิ่ง รูม (Bangkok Screening Room) ศาลาแดง ทั้งหมด 9 รอบ และฉายบนเที่ยวบินสายการบินไทย เป็นระยะเวลา ๒ ปี ยังไงทุกคนอย่าลืมไปร่วมย้อนความทรงจำอันมีค่าของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้กันนะคะ
