Now Reading
How to แต่งตัว Ready-to-wear สุดจึ้ง แต่งแล้วไม่ซ้ำใคร

How to แต่งตัว Ready-to-wear สุดจึ้ง แต่งแล้วไม่ซ้ำใคร

เสื้อผ้าที่เราใส่ทุกวันนอกจากจะเป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว ยังสามารถบ่งบอกบุคลิกภาพและความเป็นตัวเราได้อย่างดีเยี่ยม การที่ใส่เสื้อผ้าสักชุดนั้นนอกจากคำนึงถึงความต้องการแล้ว เรื่องสถานที่และความสะดวกสบายก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง วันนี้เรากลับมาที่คลาสแฟชั่นกันอีกครั้งกับวิธีการเลือกเสื้อผ้าแบบ ready-to-wear ให้ดูแตกต่างจากคนอื่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ทุกคนใส่ในชีวิตประจำวันก็ตาม ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

Ready-to-wear คืออะไร ทำไมถึงแปลว่า “พร้อมที่จะใส่”

ใครที่เป็นสายแฟชั่นติดตามเรื่องเสื้อผ้าอย่างจริงจังก็อาจจะคุ้นหูกับคำว่า Ready-to-wear เป็นอย่างดี ซึ่งคำนี้ถ้าแปลตรงตัวจะมีความหมายว่า พร้อมที่จะใส่ ในที่นี้หมายถึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่เราสามารถพร้อมใส่ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้เลย ในการผลิตเสื้อผ้าหรือคอลเลกชั่นของเหล่าดีไซน์เนอร์หรือแบรนด์ต่างๆ นั้น จะผลิตเครื่องแต่งกายด้วยกันหลักๆ อยู่ 2 แบบ ได้แก่ Ready-to-wear และ Haute Couture

Ready-to-wear อย่างที่ได้กล่าวไปคือเสื้อผ้าแบบสำเร็จรูปที่เราพร้อมที่หยิบใส่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ เสื้อแจ็คเก็ต กางเกง เดรส รองเท้า ฯลฯ ส่วน Haute Couture (โอ กูตูร์) แปลตรงตัวคือการตัดเย็บชั้นสูง โดยการตัดเย็บเครื่องแต่งกายแบบนี้นั้นจะมีกฎอยู่มากมายที่แบรนด์ต่างๆ จะต้องทำตามและได้รับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้นถึงจะสามารถเรียกว่า Haute Couture ได้ เช่น ต้องมีช่างตัดเย็บชุดประมาณ 6 คนในการตัด 1 ชุด มีชั่วโมงการเย็บไม่ต่ำกว่า 200 ชั่วโมง ฯลฯ ซึ่งความแตกต่างของ Ready-to-wear และ Haute Couture นั้น ไม่ได้อยู่ที่สไตล์ของเสื้อผ้าหรือความใหญ่ ความอลัง ราคา หรือยอดขาย แต่อยู่ที่กฎของแต่ละแบรนด์ที่ผ่านการรับรองหรือไม่นั่นเอง

Ready-to-wear ใครๆ ก็ใส่ แต่จะทำอย่างไรให้แตกต่าง

1. ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในเสื้อผ้า

เรื่องของการใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย อันดับแรกที่ทุกคนมักจะคิดถึงเลยก็คือต้องถูกใจเราไว้ก่อนใช่ไหมคะ พี่อะเครุก็เป็นเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามต้องนึกถึงเรื่องความเหมาะสมกับกิจวัตรของเราควบคู่กันไปด้วย การที่จะใส่เสื้อผ้าสไตล์ Ready-to-wear ให้ต่างจากคนอื่นคือเราต้องใส่ความเป็นตัวเองลงไปตั้งแต่การเลือกเสื้อผ้า เช่น บางคนเป็นสาวหวานที่มีความแอบเปรี้ยวนิดๆ ก็อาจจะใส่เสื้อสีพาสเทลตัดกับเครื่องประดับที่สีโดดเด่น ทริคนี้ก็จะทำให้ดูมีความเป็นตัวเราที่แตกต่างมากขึ้น

2. คุมโทนสีทั้งตัวหรือเลือกไอเทมหลากสี

สีถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการแต่งกาย ไม่ว่าจะใช้สื่ออารมณ์ทั้งตัวเราและสภาพแวดล้อม ถ้าจะเอาให้จึ้งสุดๆ ทุกสายตาต้องสะดุดมามองที่เรา อาจจะลองหันมาคุมโทนสีเครื่องแต่งกายให้เยอะขึ้น เช่น เสื้อเบลเซอร์สีม่วงพาสเทลจับคู่กับกางเกงขากระบอกสีเดียวกัน ตัดด้วยเสื้อครอปสายเดี่ยวด้านในสีขาวสักหน่อย หรือถ้าใครไม่ชอบคุมโทนลองเลือกไอเทมหลากสีแต่ยังเน้นไปทางเดียวกัน เช่น น้ำเงิน เทา ดำ เป็นต้น

3. เราทุกคนมีสัดส่วน ต้องรู้จักเน้นให้ถูกจุด

จะเสื้อผ้าแบบไหนก็ถูกออกแบบมาเพื่อทุกคน ทุกรูปร่าง และทุกไซซ์ ทุกๆ คนมีสัดส่วนของร่างกายที่น่าสนใจ ดังนั้นต้องรู้จักเน้นสัดส่วนของเราให้กลายมาเป็นจุดเด่น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องไซซ์เลย ไม่ว่าเราจะเป็นสาวตัวเล็ก สาวพลัสไซซ์ เรียลไซซ์บิวตี้ ถ้าพยายามเน้นสัดส่วนบ้าง ก็จะทำให้การแต่งตัวของเราดูแปลกใหม่และมีอะไรมากขึ้น เช่น เน้นความยาวของขา เอว หรือแขน หรือในตอนนี้ที่หลายๆ คนฮิตมากเลยก็คือช่วงไหปลาร้า

See Also

4. งานเครื่องประดับต้องเข้า

บางครั้งเราใส่แต่เสื้อผ้า ก็ดูเหมือนจะให้ภาพรวมของลุคนั้นดูครบแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่างที่จะช่วยเสริมลุคทั้งหมดของเราให้ดูโดดเด่นมากขึ้นกว่านี้ การใส่เครื่องประดับเข้าไปอย่างสร้อย กำไลข้อมือ หมวก ต่างหู หรือกระเป๋า ฯลฯ ก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่ช่วยเสริมความน่าสนใจ รวมถึงความสนุกของการแต่งตัวที่ได้แมตช์ระหว่างเสื้อผ้า-เครื่องประดับอย่างเต็มที่! เหมือนกับว่าเป็นส่วนเติมเต็มให้กับลุคเราดูดีขึ้นนั่นเอง

การแต่งกายจึงเป็นมากกว่าการเลือกเสื้อผ้ามาใส่ให้เหมาะสมกับกาลเทศะเ พราะเราสามารถใส่ความเป็นตัวเองผ่านชุดเสื้อผ้าลงไปได้ด้วย และไม่ว่าเราจะแต่งกายไปไหน ก็อย่าลืมที่จะสนุกกับการแต่งตัวเพื่อให้ได้ลุคที่สวยและเป็นตัวเรามากที่สุด จะแต่งแบบไหนก็อย่าลืม Have fun กันน้าาา

View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top