เชื่อเลยว่าคนที่กำลังประสบปัญหาใต้ตาคล้ำคงจะมีคำถามเหล่านี้ว่า วิธีแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำมีอะไรบ้าง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดีอย่างไร เมื่อไหร่เห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน ก่อนตัดสินใจฉีดควรรู้อะไรบ้าง มาหาคำตอบได้ที่นี่ค่า
ใต้ตาคล้ำ แก้ได้ด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา วิธีง่ายๆ เรียกคืนความสดใสให้ดวงตา
ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆ ในทุกเพศทุกวัยเลยนะคะ และยังเป็นตัวการหลักที่ทำให้หน้าโทรม ดูแก่ก่อนวัย แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ก็อาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับเจ้าของใบหน้าได้นะ
ตอนนี้ใครที่กำลังมองหาทางแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งหนทางแก้ไขที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดีอย่างไร? แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ปลอดภัยแค่ไหน ก่อนตัดสินใจฉีด มีอะไรบ้างที่ควรรู้ มาหาคำตอบได้ที่นี่เลย
ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำเกิดจากสาเหตุใด?
ปัญหาขอบตาดำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- เกิดจากการยุบตัวในส่วน Tear Through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตา ยุบลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา
- ความเครียดและการพักผ่อนน้อย มีปัญหาในการนอนหลับ ภาวะขาดน้ำ ทำให้ดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้นจนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำ
- จากพันธุกรรม โรคภูมิแพ้ หรือการเจริญเติบโตของกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาไม่ดี ทำให้เกิดถุงใต้ตา ร่องใต้ตา
- ปัญหาจากการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนยานและมีริ้วรอยก่อนวัย
วิธีแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำ
วิธีแก้ปัญหาขอบตาดำ มีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา โดยวิธีแก้ไขแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
1. วิธีธรรมชาติ
จัดการกับความเครียดที่ส่งผลให้มีปัญหาในการนอน ดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแสงแดด เครื่องดื่มแอลกอฮออล์ และการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งในสามารถที่ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา รวมถึงการดูแลบำรุงผิวรอบดวงตา เช่น
- ทาครีมบำรุงใต้ตา (Eye Cream)
Eye Cream เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา รอยคล้ำใต้ดวงตา และริ้วรอยต่างๆ ปัจจุบันมีให้เลือกหลายหลายยี่ห้อ และหลายรูปแบบทั้งแบบน้ำ เนื้อครีม เนื้อเจล ใช้ทาเพื่อให้ผิวรอบๆ ดวงตาดูดีขึ้น
- มาสก์ใต้ตา
มาสก์บำรุงใต้ตาสามารถทำได้เองจากธรรมชาติ เช่น ประคบด้วยถุงชา ประคบเย็น หรือหาซื้อผลิตภัณฑ์มาสก์ใต้ตาบำรุงที่มีวางขายในท้องตลาด วิธีนี้สามารถช่วยบำรุงและผ่อนคลายผิวหนังรอบๆ ดวงตา ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
ซึ่งถ้าเป็นวิธีแก้แบบธรรมชาติ ใต้ตาดำเพราะโรค อายุมากขึ้น หรือเกิดการยุบตัวของกระดูก ทำให้เบ้าตาลึก ก็อาจจัดการได้ค่อนข้างยาก จำเป็นต้องใช้วิธีการแก้ไขทางการแพทย์เข้าช่วยแทน
2. วิธีทางการแพทย์
- รักษาโรค: เข้ารับการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุทำให้ขอบตาคล้ำ เช่น โรคภูมิแพ้
- เลเซอร์ใต้ตา: ซึ่งมี 2 ประเภท คือ Laser ซึ่งลดเม็ดสี หรือ Laser ลดการขยายตัวของเส้นเลือด แต่ก็อาจมีข้อเสีย เช่น เจ็บปวด เกิดแผลติดเชื้อ ใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวนาน ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำจากสาเหตุกระดูกใต้ตายุบตัวได้
- ฉีดไขมันใต้ตา: เป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึกด้วยไขมันของคนไข้เอง จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม ข้อดีคือลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ได้ ใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ แต่กระบวนการค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สามารถทำได้ทันที คนไข้จะเจ็บตัว 2 ครั้ง คือ ขั้นตอนการดูดไขมันออกมาใช้และการฉีดกลับเข้าไป และมักไม่เห็นผลในครั้งแรก เพราะร่างกายดึงไขมันไปใช้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดูอ่อนล้า ตาโรย สามารถคืนความสดใสให้กับเจ้าของใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอย เมื่อคนเราอายุมากขึ้นกระดูกจะยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้าเกิดเป็นร่องรอยใต้ตา โดยสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้
✓ ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา มีลักษณะเป็นรอยเหี่ยวย่นใต้ตา และรอบๆ ดวงตา ที่ทำให้หน้าดูมีอายุ
✓ ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นวงคล้ำรอบดวงตาและจะเห็นชัดบริเวณใต้ตา ซึ่งทำให้หน้าดูอ่อนล้า
✓ ถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย การมีถุงใต้ตาจะทำให้ปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาเห็นชัดขึ้น
✓ เบ้าตาลึก ตาโหล ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา และการสลายตัวของเนื้อเยื่อ
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังสามารถลดริ้วรอย การฉีดเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ฉีดใต้ตาคล้ำ จะช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใสและอ่อนเยาว์อีกครั้ง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอดภัยแค่ไหน ผลข้างเคียงมีไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการที่คนไข้จำนวนมากกลัว เพราะบริเวณที่ฉีดอยู่ใกล้ดวงตา แต่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากใช้ฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ทั้ง 2 ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
ด้านอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ คืออาการบวมจากเข็มหรือการแปะยาชาก่อนฉีด เฉลี่ยอยู่ที่ 3-7 วันก็จะหายไปได้เอง และหากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอที่ชำนาญมีความพิถีพิถันในการฉีด ก็จะช่วยลดอาการบวมได้
V Square Clinic นั้นก็มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยใต้ตานาน 6-15 ปี ให้คำปรึกษา ทั้ง 14 สาขา ทีมแพทย์มีองค์ความรู้โครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี จึงมีความปลอดภัยสูง และทางคลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองจากอย. แล้วเท่านั้น ก่อนฉีดจะแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าคนไข้เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ 100%
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เมื่อไหร่เห็นผล?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และประมาณ 4-5 วันจะค่อยๆ เห็นผลชัดขึ้น และเห็นผลลัพธ์เข้าที่ชัดเจนประมาณ 2-3 สัปดาห์
ตัวอย่างหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้ โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) ที่ได้มาตรฐานมีอย. รับรอง จะอยู่ได้ 6 -18 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ cc ยี่ห้อไหนดี?
ปัญหาใต้ตาของแต่บุคคลแตกต่างกัน ดังนั้นปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะเป็นผู้ประเมินในเคสว่าจะต้องใช้กี่ CC ถึงจะเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ 1-2 CC ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตามีการยุบตัวมากๆ ใต้ตาลึก ก็จะต้องใช้ฟิลเลอร์มากขึ้น ถึงเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
สำหรับฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อที่เหมาะสม ควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฉีดแล้วไม่ฟูมาก เนื่องจากผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบาง ผลลัพธ์จึงออกมามีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี? แนะนำยี่ห้อ Restylane และ Juvederm
- Restylane Vital light *no lidocane
- Restylane Perlane lyft
- Restylane Defyne
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volite
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หากใครกำลังมองวิธีแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่คุณหมอแนะนำที่สุด เพราะเห็นผลเร็ว คุ้มค่า และราคาไม่แพง แต่ต้องฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์ มีเทคนิคและต้องเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสมด้วยนะ ที่ V Square Clinic หมอจะแนะนำ ให้คำปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้ากับผู้ใช้บริการโดยตรง ไม่ผ่านเซลล์ เพื่อเลือกหัตถการและยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน อีกทั้งยังมีการติดตามหลังการรักษาทุกเคส เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก vsquareclinic
