Now Reading
แนะนำ! น้ำมันหอมระเหย ที่คนท้องใช้ได้และห้ามใช้ในระหว่างตั้งครรภ์

แนะนำ! น้ำมันหอมระเหย ที่คนท้องใช้ได้และห้ามใช้ในระหว่างตั้งครรภ์

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หลายคนอาจจะชอบใช้น้ำมันหอมระเหย ตั้งแต่ก่อนท้อง เพื่อให้หลับสบายและผ่อนคลาย แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้วอาจเกิดความกังวลใจว่าจะมีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือไม่ ควรใช้น้ำมันหอมระเหยแบบไหน กลิ่นไหนกันแน่ จึงจะ “ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย ” วันนี้อะเครุเรามีคำตอบค่ะ

Aromatherapy คืออะไร?

อโรมาเธอราพี (Aromatherapy) เป็นวิธีการรักษาหรือบำบัดแบบธรรมชาติโดยการใช้น้ำมันหอมระเหย โดยกลิ่นที่ได้นั้นจะสกัดจากพืชและสมุนไพร เพื่อปรับสมดุลของจิตใจและร่างกาย โดยไม่ต้องใช้ยา ในประเทศฝรั่งเศสบางครั้งแพทย์จะออกใบสั่งให้น้ำมันหอมระเหยบางชนิดเป็นยาในการรักษาโรคได้

วิธีเลือกน้ำมันหอมระเหยในช่วงแพ้ท้อง

อาการแพ้ท้องเป็นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ 50 ถึง 80% และอาการต่างๆ เช่นคลื่นไส้อาเจียน ไม่อยากอาหาร ไวต่อกลิ่นต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีทางรักษานอกจากรอให้อาการแพ้ท้องผ่านไปเท่านั้น การอาบน้ำด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยลดอาการไม่สบายท้องและทำให้อารมณ์ของคุณแม่ตั้งท้องให้สดชื่นขึ้นได้ แต่ต้องเลือกกลิ่นที่ชอบ และกลิ่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

เพราะจากการวิจัย สารเคมีที่พบในน้ำหอมหรือเทียนนั้น สามารถทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ อาทิ หอบหืด โรคปอด จนไปถึงขั้นมะเร็งได้ และสารพาราฟีนที่ออกมาจากเทียนนั้นยังเป็นสารอันตรายต่อคุณแม่อีกด้วย ซึ่งคุณแม่จำเป็นจะต้องศึกษาวิธีใช้ก่อนนะคะ เพื่อความปลอดภัย

กลิ่นหอมที่ใช้ได้ในระหว่างตั้งครรภ์

  1. กลิ่นมะนาว มะกรูด ส้ม: กลิ่นที่สดชื่นของมะนาวมีผลในการทำให้อารมณ์สดใส เพิ่มสมาธิ เมื่อคุณรู้สึกไม่สบายเนื่องจากแพ้ท้อง คุณสามารถทำให้ตัวเองสดชื่นได้ด้วยการดมกลิ่นมะนาวกระตุ้นความสดชื่น บรรเทาอาการคลื่นไส้ คลายเครียด ช่วยเพิ่มชีวิตชีวา ลองเอามานวดตัวก็สามารถช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นได้ค่ะ
  2. กลิ่นลาเวนเดอร์: ช่วยผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ ลดอาการวิงเวียนศีรษะ นำมานวดจะช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าจากกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักและทำให้หลับสบาย
  3. กลิ่นยูคาลิปตัส : ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก แพ้อากาศ ทำให้หายใจโล่งสะดวก แก้อาการอึดอัดของคุณแม่ได้ ด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างแรงจึงควรหยดเล็กน้อยบนผ้าหรือสำลี เอาไว้สูดดมเพียงเล็กน้อยก็พอ
  4. กลิ่นมะลิ: ช่วยให้ผ่อนคลาย หายกังวล ผ่อนคลายจิตใจ เกิดอารมณ์สงบ สยบความหดหู่หลังคลอด สามารถช่วยลดอาการคัดเต้านมของคุณแม่
  5. กลิ่นไม้แก่นจันทน์: ช่วยให้สงบ ชุ่มชื่น ผ่อนคลายจิตใจ เกิดอารมณ์สงบ ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื่น
  6. เกรปฟรุต: กลิ่นที่สดชื่นอมเปรี้ยวอมเปรี้ยวของเกรปฟรุตมีผลทำให้สดชื่น มีฤทธิ์ระงับกลิ่นกาย
  7. มะกรูด: เป็นต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปีของตระกูล Rutaceae และมีกลิ่นส้ม นอกจากจะให้ความสดชื่นแล้วยังมีฤทธิ์สงบอีกด้วย

กลิ่นที่คุณแม่ตั้งท้องไม่ควรใช้

กลิ่นเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนะคะ แต่ด้วยความที่กลิ่นของเค้าค่อนข้างแรง อาจทำให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้ได้ค่ะ อาทิเช่น

  1. กลิ่นกุหลาบ
  2. กลิ่นใบไทม์
  3. กลิ่นวินเทอร์กรีน
  4. กลิ่นมาร์โจแรม
  5. กลิ่นซินนามอน

กลิ่นต้องห้ามและเป็นอันตราย

  1. กลิ่นโหระพา: ห้ามใช้ในขณะตั้งครรภ์ และช่วงให้นมลูก เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองผิวหนัง
  2. กลิ่นคาโมไมล์: ปกติกลิ่นนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนจึงมีฤทธิ์ต่อระบบภายใน จึงห้ามใช้ในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
  3. กลิ่นโรสแมรี: มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรใช้ในช่วงกำลังตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก

น้ำมันหอมระเหยที่ไวต่อแสง

น้ำมันหอมระเหยบางชนิดไวต่อแสง จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยประเภทนี้เป็นอันตรายต่อผิวหนังได้ เช่น เมื่อโดนแสง UV อาจทำให้ผิวไหม้และทำให้เกิดจุดด่างดำ หากนวดอโรมาด้วยกลิ่นเหล่านี้ ขอแนะนำให้อยู่ในเวลากลางคืนหลีกเลี่ยงการโดนแดด หรือผสมเวลาอาบน้ำ เป็นต้น

See Also

  1. มะกรูด
  2. มะนาว
  3. เกรปฟรุต
  4. มะนาว

ถึงแม้กลิ่นบำบัดจะมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แต่ก่อนการใช้ทุกครั้งคุณแม่อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยในครรภ์ด้วยนะคะ ถ้ายังคงต้องการการใช้เทียนอยู่ แนะนำให้เป็นเทียนจากการ DIY เทียนจากไขถั่วเหลือง หรือเทียนขี้ผึ้ง เป็นต้น เพราะเทียนประเภทนี้ไม่ก่อนให้เกิดมลพิษจากการเผาไหม้ และก่อเขม่า ควัน ได้น้อยกว่าเทียนจำพวกพาราฟินนั่นเองค่ะ

ที่มา: jstage.jst.go.jp, fa.kyorin.co.jp


View Comments (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published.

CAPTCHA


Scroll To Top