อย่ามองว่าโรคมะเร็งเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน เราไม่ได้จะมาบอกให้สาว ๆ หวาดกลัวโรคมะเร็งนะ แต่เราจะมาบอกวิถีการเตรียมตัวป้องกัน และลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งเต้านมให้ได้รู้กันค่ะ
today
ซึ่งมีผลวิจัยมากมายที่ช่วยแนะนำวิธีการป้องกันโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารให้สมดุลครบทั้ง5หมู่ ทำให้ร่างกายได้ดูดซับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกวิตามิน
nhs
Carole Baggerly ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ด้านสุขภาพชื่อดัง GrassrootsHealth ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่า กว่า 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมจะมีภาวะขาดวิตามินดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คำพูดของเธอไม่ใช่แค่การกล่าวอ้าง แต่มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนแนวคิดนี้ค่ะ
วิตามินดี เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งเต้านมอย่างไร?
งานวิจัย meta-analysis ฉบับการป้องกันโรคมะเร็ง ที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2557 พบว่าผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมที่มีวิตามินดีในร่างกายสูง จะมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าผู้ป่วยที่มีปริมาณวิตามินดีต่ำ
indianexpress
การวิจัยนี้ทำกับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมกว่า 45000 คน ใช้เวลาทำงานวิจัยถึง 9 ปี ศาสตราจารย์ Cedric F. Garland ผู้ร่วมทำงานวิจัยครั้งนี้เผยว่า “ตราบใดที่ร่างกายของผู้ป่วยยังคงได้รับวิตามินดีอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ก้อนเนื้อร้ายก็จะไม่ขยายตัวลุกลามเข้าไปในระบบเลือดของผู้ป่วย นี้คือสาเหตุว่าทำไม่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่ระดับวิตามินดีสูง จึงมีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่า”
นักวิจัย และแพทย์ จึงช่วยกันค้นหาระดับวิตามินดีในร่างกายซึ่งมีประสิทธิภาพมากพอ ที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้ก้อนเนื้อร้ายลุกลามออกไปได้ ค่านั้นอยู่ที่ประมาณ 30-80 นาโนกรัมต่อเลือด 1 มิลลิลิตร ซึ่งผลการศึกษาใน ปี พ.ศ. 2554 ของศาสตาร์จารย์ Garland ซึ่งเป็นนายแพทย์อยู่ขณะนั้น ก็ได้พบข้อมูลเพิ่มขึ้นอีว่าระดับวิตามินดี 50 นาโนกรัมต่อมิลลิตรในเลือดจะช่วยทำให้ โอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมลดลงถึง 50% เท่ากับว่าร่างกายของเราต้องดูดซึมเอาวิตามินดีให้มากขึ้นหลายเท่า จากปรกติ 600 IUs(หน่วยสากลใช้วัดค่าการดูดซับวิตามินในร่างกาย) ต่อวัน ต้องเพิ่มขึ้นเป็น 1000-8000 IUs ต่อวัน!!
แล้วจะกินยาเม็ดเสริมวิตามินดี หรือ ออกไปรับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์ แบบไหนดีกว่ากัน?
ที่มา : davidwolfe
iast
วิธีที่ร่างกายจะสามารถรับวิตามินดีได้ดีที่สุด ก็คือ การออกไปรับแสงแดดในตอนเช้าไม่เกิน 9 โมงเช้า ประมาณ 10-15 นาที เมื่อผิวของเราได้รับแสงแดด มันก็จะเกิดกระบวนการสังเคราะห์วิตามินดี 3 ที่ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบปราสาท การเต้นของหัวใจ และการแข็งตัวของเลือดขึ้นมา วิตามินดีจากแสงแดดนี้เป็นวิตามินดีแบบที่ละลายในน้ำ และเลือดได้ มันจึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเราได้อย่างรวดเร็ว ต่างกับวิตามินดีที่เป็นยาเม็ด ซึ่งเป็นวิตามินดีแบบที่ไม่ละลายน้ำ ต้องใช้ไขมันในเลือดเป็นตัวดูดซับ อาจจะทำให้ร่างกายของเรารับวิตามินดีได้ไม่เต็มที่ค่ะ
การตื่นเช้าออกไปเดินรับแสงแดดอุ่น ๆ นอกจากจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นผ่อนคลายแล้ว ลึกเข้าไปในร่างกายยังเกิดกระบวนการสร้างวิตามินดี ที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงพร้อมต่อสู้กับโรคร้ายได้ เมื่อสุขภาพดี ความสวยงามจากข้างในก็จะเปล่งประกายออกมา เรื่องดี ๆ แบบนี้มีให้อ่านอีกแน่นอน รอติดตามด้วยนะค่ะ
เป็นคนชอบอ่าน เลยชอบเขียน ยินดีที่ได้รู้จักกันกับเพื่อนใน Akerufeed ทุกคนค่ะ รอตามตามผลงานของเราด้วยนะ ถึงจะใหม่ แต่ตั้งใจเต็มร้อย Fightingค่ะ!!