สาวๆ คงรู้อยู่แล้วว่าถ้าหากอยากกำจัดไขมันรอบเอว เซลลูไลท์รอบต้นขาให้หมดไป ก็คงต้องลดน้ำหนักใช่ไหมคะ ซึ่งกฎของการลดน้ำหนักมีอยู่ว่า “กินน้อย เบิร์นเยอะ” และแน่นอนว่าไม่มีทางที่เราจะลดน้ำหนักได้รวดเร็วตามต้องการ แต่วันนี้ AkeruFeed มีวิธีลดความอ้วนให้ได้ดั่งใจสั่งมาฝากสาวๆ ถึง 33 วิธีแล้วค่ะ
1. Write down ‘Goal’ & ‘Why’
ลองเขียนตัวเลขน้ำหนักในฝันและเหตุผลที่เราจะลดน้ำหนักดูสิคะ สาวๆ อาจจะทำเป็น post-it แล้วนำไปแปะตรงตู้เย็น ประตูห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า หรือส่วนไหนของบ้านที่เราเห็นชัดๆ เพื่อเตือนสติตัวเองว่าเราลงทุนลงแรงให้เหนื่อยเพื่ออะไรกัน
2. Write down what you eat
ลองมาทำรีพอร์ตอาหารการกินของตัวเองในหนึ่งอาทิตย์กันดีกว่า วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าในแต่ละวันกินอะไรไปบ้างและอะไรๆ ที่ว่านั้นมันคือสาเหตุที่ทำให้อ้วนหรือไม่ เพราะมีวิจัยออกมาว่าคนเรามักกินอาหารเกิน 115 แคลอรีในช่วงวันหยุด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นแอลกอฮอล์และของกินที่อุดมไขมันมากมาย นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราแนะนำให้สาวๆ ทำลิสต์ของกินตัวเองไว้นั่นเอง
3. Plus 10% for calories you eat in each day
มาคำนวณแคลอรีที่ตัวเองกินไปแต่ละวัน แล้วบวกเพิ่มเข้าไปอีก 10 เปอร์เซนต์ ผลลัพธ์ที่ได้จะใกล้เคียงกับปริมาณแคลอรีที่บริโภคจริง สมมติว่าสาวๆ คำนวณคร่าวๆ ว่าวันนี้เราจัดไป 1,700 แคล ก็บวกเพิ่มเข้าไปอีก 170 แคล ดังนั้น 1870 คือปริมาณแคลอรีที่ใกล้เคียงกับปริมาณจริง ทีนี้เราก็จะสามารถจัดระเบียบการกินของตัวเองในครั้งต่อไปได้แม่นยำ ทำให้ลดน้ำหนักได้ผลมากขึ้น
4. Lose weight with online buddy
งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Vermont พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่เข้าร่วมการทดลองลดน้ำหนักร่วมกับบัดดี้ที่พบกันทางอินเตอร์เน็ตสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าผู้ที่มีบัดดี้เป็นคนที่เจอหน้ากันทุกวันเสียอีก
5. Believe in yourself
การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและถูกวิธีนั้น ร่างกายและจิตใจต้องแข็งแรงควบคู่ไปด้วยกัน วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างการเลือกกินหรือออกกำลังกายทำให้เรามีรูปร่างที่ผอมสวยจริง แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ คงไม่มีทางสำเร็จแน่หากเราไม่เชื่อมั่นในตัวเองก่อน เลิกคิดฝังหัวว่า “ฉันคือยัยตุ๊ต๊ะ” เพราะนั่นจะไม่สามารถทำให้คุณฟิตแอนด์เฟิร์มได้ เพราะความเชื่อคือแรงกระตุ้นชั้นดีที่ผลักดันเราให้ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
6. Addict water
มื้อเช้าคงเป็นมื้อเดียวที่จะพอหยวนๆ ให้ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำหวาน (น้ำตาลน้อย) หลังรับประทานอาหารเสร็จ แต่หลังจากนี้ทั้งวันสาวๆ ควรดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มอย่างอื่น เพราะมีงานวิจัยพบว่าชาวอเมริกันดื่มน้ำหวานน้ำอัดลมเกิน 250 แคลอรีต่อวัน หรือเกือบถึง 9 หมื่นแคลต่อปี
7. 3 fewer bites & 1 less your yummy
ละลายพฤติกรรมการกินตัวเองด้วยการกินอาหารแต่ละมื้อไม่เกิน 3 คำ และจำกัดการกินของขบเคี้ยว น้ำหวาน น้ำอัดลม ของชอบทั้งหลายไม่เกิน 1 คำ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเซฟปริมาณแคลอรีได้ถึง 100 แคล
8. One less hour TV
จากการศึกษานักศึกษา 76 คน พบว่ายิ่งดูโทรทัศน์มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกินเยอะและกินไม่หยุด ลองเปลี่ยนมาดูโทรทัศน์วันละหนึ่งรายการและหาเวลาไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกบ้านบ้างจะดีกว่าค่ะ
9. Cleaning every week
ไม่ว่าจะถูบ้าน ล้างบานหน้าต่าง ขัดห้องน้ำ ล้างรถ หรือทำความสะอาดอะไรก็ได้หนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันก็ถือว่าได้ออกกำลังกายไปในตัวนะคะ เพราะสาวๆ สามารถเบิร์นได้ถึง 4 แคลอรีต่อหนึ่งนาทีในขณะที่ทำความสะอาด แน่นอนว่าถ้าเราใช้เวลาทำความสะอาด 30 นาที ก็เบิร์นได้ประมาณ 120 แคล ซึ่งเท่ากับเผาผลาญไอศกรีมวานิลลาครึ่งลูกเลยทีเดียว
10. Eat when you’re so hungry
แค่ไหนถึงจะเรียกว่า “หิว” เหรอ ก็เมื่อตอนที่กินได้ทุกอย่าง (ไม่ใช่กินทุกอย่างที่ขวางหน้านะ) โดยไม่เลือก แบบกินให้อิ่มก็โอแล้ว ส่วนที่บอกว่าหิวแต่บอกว่าอยากกินอันนี้ อันนั้น นั่นเรียกว่า “อยาก” ค่ะ อย่าได้ตามใจปากเชียว
11. Smell of banana / apple / peppermint
ถ้าปากมันว่างเกินไปจนอยากหาอะไรมาเคี้ยวแก้เบื่อ ก็หยุดมือไว้ก่อนนะสาวๆ แล้วเปลี่ยนมาดมแทน!! เพราะการดมกลิ่นหอมๆ ของกล้วย แอปเปิ้ล หรือใบสะระแหน่ จะช่วยดับอาการอยากอาหารเหมือนกับเราได้กินเข้าไปนั่นเอง
12. See blue color
เคยสังเกตไหมคะว่าร้านฟาสต์ฟู้ด ชาบู ไอศกรีม เบเกอรี่ มักตกแต่งด้วยสีแดง เหลือง ส้ม นั่นก็เพราะสีเหล่านี้ช่วยกระตุ้นอาการอยากอาหาร ในขณะที่โทนสีขั้วตรงข้ามอย่างสีฟ้าหรือน้ำเงินจะลดอาการอยากอาหารลง ลองเติมสีสันเพื่อช่วยบำบัดการกินเกินลิมิตในอาหารแต่ละมื้อดูสิ ไม่ว่าจะใช้จานสีฟ้า หรือปูโต๊ะด้วยผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงิน
13. Eat in front of mirrors
งานวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารขณะอยู่หน้ากระจกนั้นจะรับประทานของกินในมือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น นั่นก็เพราะเงาในกระจกสะท้อนให้เห็นตัวตนที่ลึกลงไปถึงความคิดบางอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมไปถึงความตั้งใจในการลดน้ำหนักด้วย
14. 10 Mins up & down stairs
The Centers for Disease Control กล่าวว่าการเดินขึ้นลงบันไดวันละ 10 นาทีจะช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 4.5 กิโลกรัมต่อปี แต่สาวๆ ก็ต้องเลิกกินจุกกินจิกด้วยนะ
15. 5 Mins walking
หาเวลาลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายทุก 2 ชั่วโมง เพียงครั้งละ 5 นาที ทำอย่างนี้ทุกๆ วันเท่ากับร่างกายของได้เราได้ออกกำลังกายด้วยการเดิน 20 นาทีต่อวันเลยนะคะ ที่สำคัญยังไม่ทำให้เครียดจากการจดจ่อกับการเรียนหรือการทำงานนานจนต้องไปหาขนมมากินแก้เบื่ออีกด้วย
16. 45 Mins walking per day
Duke University ได้ทำการวิจัยและพบว่าการเดิน 30 นาที ช่วยทำให้น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การออกกำลังกายเกิน 30 นาทีต่อวัน อย่างเช่นการเดิน 45 นาทีนั้นจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 300 แคลอรี หากทำทุกวันสาวๆ สามารถลดน้ำหนักได้ 13.5 กิโลกรัมภายในหนึ่งปี โดยไม่ต้องปรับปริมาณการกินของตัวเองเลย
17. No prepared food
ถ้าเป็นไปได้ให้เลี่ยงซื้ออาหารกึ่งสำเร็จรูปทั้งหลายนะคะ โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบเยอะๆ เลือกกินอาหารสด sugar-free ยิ่งส่วนผสมน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีต่อสุขภาพ เพราะของกินเหล่านั้นผ่านกระบวนการปรุงแต่งรสชาติน้อย แคลอรีจึงน้อยตามด้วย
18. Put spoon and fork every bites
การวางช้อนส้อมไว้ข้างจานทุกครั้งที่ตักอาหารเข้าปาก หรือจิบน้ำระหว่างรับประทาานบ่อยๆ จะช่วยลิมิตปริมาณอาหารได้เป็นอย่างดี เพราะการกินช้าๆ นั้น จะทำให้สมองสั่งการว่าร่างกายไม่ได้รู้สึกหิวจนต้องกินอาหารเข้าไปมากเกินจำเป็น
19. Throw out “FAT” outfits
เมื่อเราเริ่มลดน้ำหนัก นั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ของเก่าอย่างเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้เพราะตัวเล็กลงก็โละทิ้งไปให้หมดจากตู้เลยค่ะ แล้วเตรียมซื้อเสื้อผ้าที่พอดีกับรูปร่างปัจจุบัน นอกจากจะได้เสื้อผ้าใหม่แล้ว ยังเป็นทริคเล็กๆ ที่ทำให้สาวๆ ตั้งใจลดน้ำหนักและรักษารูปร่างไม่ให้กลับไปเผละแบบเก่า
20. Close kitchen 12 hours
หลังรับประทานมื้อเย็นแล้ว ก็เป็นเวลาปิดตายครัว 12 ชั่วโมง ที่ทำอย่างนี้เพื่อไม่ให้เราเผลอไปหาอะไรกินตอนดึกนั่นเอง หากสาวๆ งดมื้อดึกในแต่ละวันได้ เท่ากับว่าเราสามารถลดแคลอรีไปได้ถึง 300 แคลอรีเลยที่เดียว
21. Walking before dinner
ใครจะเชื่อว่าเดินเล่น 20 นาทีก่อนมื้อเย็นจะเหมือนกับกินของว่างก่อนทานข้าว เพราะการเดินเล่นนั้นจะช่วยลดความหิวและทำให้เรารู้สึกอิ่ม ไม่ค่อยอยากอาหาร
22. Going outing
วันหยุดสุดสัปดาห์ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ลองหากิจกรรมที่แอคทีฟและแอดเวนเจอร์ อย่างการออกไปดูหนังสักเรื่องหรือปั่นจักรยานชิวๆ ในสวนสาธารณะ การออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งจะทำให้เธอผ่อนคลาย ไม่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วลงท้ายด้วยของกินของอ้วนๆ แก้เครียด
23. Sticking fitband / pedometor with yourself
หลายคนคงรู้จัก “เครื่องนับก้าว” ใช่ไหมคะ ลองนำมาเหน็บไว้ที่เข็มขัด แล้วตั้งเป้าว่าในแต่ละวันเราต้องเดินให้ได้มากกว่า 1000 ก้าว ปกติแล้วคนเรามักเดินกันวันละ 2 ถึง 3 พันก้าว หากเราเดินได้ 5000 ก้าวจะช่วยคงน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้น และถ้ายิ่งเดินมากขึ้นกว่านี้ก็จะยิ่งช่วยลดน้ำหนักด้วย
24. Less food Less fat
กินเข้าไปเท่าไหร่ ผลที่ได้ก็ออกมาเท่าปริมาณที่กินเข้าไปนั่นแหละค่ะ ลองเปลี่ยนขนาดจานใส่อาหารเพื่อจำกัดแคลอรีของที่กินให้น้อยลงด้วยการใช้จานใส่สลัดหรือจานที่กว้าง 7-9 นิ้ว ส่วนน้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือกาแฟก็ลดลงครึ่งหนึ่งจากจำนวนเต็มที่เคยกินเป็นประจำ
25. Eat like you’re home
ทุกวันนี้ร้านอาหารหลายแห่งมักเสิร์ฟอาหารมาให้ในปริมาณที่มาก ซึ่งหมายถึงแคลอรีที่เยอะเกินความต้องการ ดังนั้นสาวๆ สามารถเซฟตัวเองได้ด้วยการรับประทานอาหารนอกบ้านให้เหมือนกับที่กินในบ้านประมาณ 90 เปอร์เซนต์ เพราะคนส่วนใหญ่มักตามใจปากเวลาไปกินข้าวนอกบ้าน
26. Order smallest portion
หากจะสั่งของกินอะไร ก็ให้ขอไซส์เล็กไว้เสมอนะคะ เพราะเราสั่งไซส์ใหญ่และเยอะมากเท่าไหร่ แน่นอนว่าเราก็จะกวาดของกินตรงหน้าให้เรียบไม่เหลือแน่นอน
27. More water-rich food Less calories
แค่น้ำเปล่าอย่างเดียวอาจช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น แต่ถ้าสาวๆ รับประทานของกินฉ่ำน้ำจำพวกมะเขือเทศหรือแตงกวาระหว่างรับประทานอาหารไปด้วย นอกจากจะอิ่มเร็วแล้ว ยังได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญของกินเหล่านี้ยังมีแคลอรีต่ำด้วย
28. Avoid white foods
ธัญพืชขัดสีอย่างข้าวขาว ขนมปังขาว หรือน้ำตาลล้วนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และนำไปสู่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น สาวๆ จึงควรเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการแปรรูปด้วยวิธีดังกล่าว แล้วหันมารับประทานข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลวีทแทน
29. Enjoy high-cal foods
ให้รางวัลตัวเองเป็นครั้งคราวด้วยของหวาน ฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารแคลอรีสูงอื่นๆ บ้าง แต่ย้ำนะคะว่าให้สนุกกับมันเหมือนเป็น “ปาร์ตี้” ที่มีนานๆ ครั้ง เพิ่มเติมมาในอาหารจานหลักที่เราไดเอทพอเป็น “สีสัน” แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของที่เรากิน
30. Have cereal as breakfast
อาหารเช้าสมัยเด็กอย่าง “ซีเรียล” ได้รับการรับรองแล้วว่าจะลดโอกาสอ้วนมากกว่าคนที่ไม่กิน เพราะซีเรียลประกอบไปด้วยธัญพืชที่อุดมไฟเบอร์สูง สาวๆ ลองพลิกแพลงโดยใช้ข้าวโอ๊ตผสมเบอร์รี่หรือผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ แทนก็ได้ค่ะ นอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังสดชื่นพร้อมรับวันใหม่ด้วย
31. Let’s eat fruits
แน่ใจได้อย่างไรว่าน้ำผลไม้กล่องหรือที่คั้นขายใส่ขวดทั่วไป จะผลิตจากผลไม้สดเพียวๆ ไม่ใส่น้ำตาลให้หวานเจี๊ยบแต่แคลอรีเพียบ ลองเปลี่ยนมากินผลไม้สดกันดีกว่าค่ะ ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์เต็มๆ
32. Small handful of nuts
โละขนมกรุบกรอบช็อกโกแลต ลูกอม ทิ้งไปได้เลย แล้วเปลี่ยนมากินถั่ว อัลมอนด์ ลูกเกด เมล็ดทานตะวัน หรือผลไม้อบแห้งอื่นๆ เป็นของขบเคี้ยวทานเล่นแทน โดยอาหารเหล่านี้จะทำให้เราไม่รู้สึกหิวและกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีอีกด้วย
33. Get most cal before noon
ช่วงเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยงถือเป็นช่วงเวลาทองที่สามารถรับประทานอาหารได้มากตามต้องการ เพราะยิ่งกินมากเท่าไหร่ เราก็จะรับประทานอาหารในช่วงเวลาถัดไปน้อยลง ที่สำคัญ หากสาวๆ กินอาหารเยอะในตอนเช้าแม้จะได้รับแคลอรีเยอะก็จริง แต่เราก็มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเผาผลาญพลังงานได้ตลอดทั้งวัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการไดเอทที่ให้ได้ผลเร็วและดีที่ AkeruFeed อยากบอกต่อสาวๆ ทุกคน หากใครมีเคล็ดลับไดเอทเก๋ๆ ที่ใช้แล้วได้ผลดีไม่แพ้กัน ก็แชร์กันเข้ามาได้นะคะ
Tags
pk2593
การเดินทางที่ดีที่สุดของเราคือ อ่านหนังสือเยอะๆ เขียนหนังสือมากๆ เพราะการอ่านดับการเขียนเป็นเหมือนการสื่อสารกับมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต่างต้องพูดและฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองใหม่ๆ