Now Reading
8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี!? พร้อมแจกสูตรเมนูโยเกิร์ตสุดเริ่ด ดีต่อระบบขับถ่าย

8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี!? พร้อมแจกสูตรเมนูโยเกิร์ตสุดเริ่ด ดีต่อระบบขับถ่าย

ถ้าพูดถึงอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รสชาติอร่อยแถมยังอยู่ท้อง คงต้องเป็นโยเกิร์ต อาหารที่ถูกปากใครหลายๆ คน สามารถนำไปเป็นส่วนผสมและครีเอทเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย แถมยังดีต่อลำไส้ การขับถ่าย และระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย เพื่อนๆ สายเฮลท์ตี้คนไหนกำลังมองหาอาหารว่างหรืออาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพอยู่ วันนี้พลาดไม่ได้กับรีวิวโยเกิร์ต 8 ยี่ห้อ ที่เปรียบเทียบครบทั้งเรื่องรสชาติ ความหวาน กลิ่น และเนื้อสัมผัส ฯลฯ พร้อมเกร็ดความรู้ดีๆ และเมนูทำง่ายแสนอร่อยจากโยเกิร์ต ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

ทำความรู้จักกับชนิดของโยเกิร์ต

สำหรับโยเกิร์ตเลิฟเวอร์หรือใครที่รับประทานโยเกิร์ตบ่อยๆ คงจะแยกได้แน่นอนว่าแต่ละชนิดมีเนื้อสัมผัสต่างกันอย่างไร แต่ก่อนที่เราจะไปดูความแตกต่าง มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า จริงๆ แล้วโยเกิร์ตคืออะไรและเกิดจากอะไร

โยเกิร์ต คือ นมที่เกิดจากการหมักโดยใส่แบคทีเรียชนิดดีเข้าไป จึงทำให้นมเกิดรสชาติเปรี้ยว และโปรตีนในน้ำนมกลายสภาพจนจับตัวกันเป็นก้อนหรือเป็นตะกอนข้นหนืดขึ้น ทำให้ได้โยเกิร์ตอย่างที่เรารู้จักกันนั่นเอง ซึ่งวิธีการทำโยเกิร์ตนั้นจะต้องนำนมที่ได้มาผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ต่างๆ ด้วยการใช้ความร้อนสูงหรือการพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization) หลังจากนั้นจึงใส่แบคทีเรียชนิดดีลงไป คือ แล็กโทบาซิลลัส บัลการิคัส (Lactobacillus Bulgaricus) และ สเตรพโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส (Streptococcus Thermophilus) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อโพรไบโอติกส์ (Probiotics) เพื่อทำให้โยเกิร์ตมีกลิ่นและรสชาติดี แต่ในบางยี่ห้ออาจมีการเติมแบคทีเรียอย่างบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B.Lactis) ลงไปด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลลำไส้ ดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และประโยชน์อีกมากมาย ส่วนโยเกิร์ตที่พบได้ในท้องตลาดนั้นมีด้วยกันหลักๆ 2 ชนิด ดังนี้

  • โยเกิร์ตชนิดกวน (Stirred Yogurt) คือโยเกิร์ตที่คนเลือกรับประทานมากที่สุดและหาง่ายในร้านสะดวกซื้อหรือตามท้องตลาด โยเกิร์ตชนิดนี้มีวิธีการทำคือ นำนมมาผ่านการพาสเจอร์ไรส์และใส่แบคทีเรียชนิดดีลงไปหมักในถัง หลังจากนั้นพักให้เย็นและทำการกวนในถังเพื่อให้เนื้อโยเกิร์ตเข้ากัน เสร็จแล้วแต่งกลิ่นหรือรสชาติ เนื้อโยเกิร์ตชนิดนี้จะมีลักษณะเหลว ไม่จับตัวเป็นก้อน
  • โยเกิร์ตชนิดคงตัว (Set Yogurt) สำหรับโยเกิร์ตชนิดนี้จะมีวิธีการทำไม่เหมือนกับโยเกิร์ตชนิดกวนจึงทำให้เนื้อของโยเกิร์ตมีลักษณะต่างกัน วิธีการทำโยเกิร์ตชนิดคงตัวคือ นำนมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์มาใส่แบคทีเรียชนิดดี จากนั้นจึงแต่งกลิ่น สี หรือรสชาติลงไป และนำไปบ่มทิ้งไว้ จะทำให้เกิดการหมักตัวในบรรจุภัณฑ์ แล้วปล่อยให้โยเกิร์ตเย็นตัวลง จึงทำให้ได้เนื้อโยเกิร์ตจับตัวเป็นก้อน ไม่เหลว และมีลักษณะคล้ายพุดดิ้ง

ประโยชน์ของโยเกิร์ต

อย่างที่เรารู้กันว่าโยเกิร์ตเป็นของโปรดของใครหลายๆ คน เพราะว่านอกจากจะมีหลากหลายรสชาติแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องการขับถ่าย วันนี้เรามาดูประโยชน์ของโยเกิร์ตทั้ง 5 ข้อหลักๆ ที่ดีต่อร่างกายกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

  • แก้ท้องผูกและกระตุ้นระบบขับถ่าย ข้อนี้ถือเป็นประโยชน์หลักของโยเกิร์ตเลยก็ว่าได้ เพราะว่าในโยเกิร์ตนั้นมีบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. Lactis) ที่เป็นแบคทีเรียชนิดดีต่อลำไส้ ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารกระตุ้นระบบขับถ่าย และบรรเทาอาการท้องผูก ทำให้เราขับถ่ายตรงเวลาและช่วยให้สบายท้อง ไม่ว่าจะไปไหนใส่ชุดอะไรก็หมดห่วง
  • ปรับสมดุลลำไส้ เนื่องจากโยเกิร์ตมีแบคทีเรียชนิดดี เช่น แล็กโตบาซิลลัส บัลการิคัส (Lactobasillus Bulgaricus) และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. Lactis) จึงมีส่วนช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ในด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยอาการท้องเสียในเด็กทารกหรือการท้องเสียที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะได้อีกด้วย
  • ช่วยลดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ และโรคเหงือก ถึงแม้ว่าโยเกิร์ตจะมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม แต่ก็ไม่ทำให้ฟันผุแน่นอน เนื่องจากอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส จึงมีส่วนช่วยให้ฟันและเหงือกแข็งแรง ส่วนแบคทีเรียดียังลดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากไม่พึงประสงค์อีกด้วย
  • ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดระดับคอเลสเตอรอล อย่างที่เรารู้กันว่าประโยชน์ของโยเกิร์ตที่หลายๆ คนคุ้นเคยคือช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากโยเกิร์ตมีสารอาหารและวิตามินมากมาย ที่สำคัญมีโปรตีนที่ช่วยทำให้อิ่มท้อง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาล ไขมัน และชนิดของโยเกิร์ตที่รับประทานด้วย ส่วนเรื่องการลดระดับคอเลสเตอรอล เนื่องโยเกิร์ตมีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) จึงมีส่วยช่วยลดระดับไขมันที่ไม่ดีในร่างกายออกไปได้ ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลไม่สูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและการทานอาหารอื่นควบคู่ด้วย
  • มีส่วนช่วยทำให้นอนหลับง่าย ใครที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับยากต้องลองทานโยเกิร์ตสักถ้วยก่อนนอนแล้วแหละ โยเกิร์ตคือผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากนมที่มีกรดอะมิโน ทริปโตโฟน (Tryptophan) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทำให้สมองรู้สึกสงบ นอกจากนี้ยังช่วยหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เป็นสารเคมีที่สำคัญต่อการทำงานของสมองที่ทำให้สมองผ่อนคลายและทำให้นอนหลับง่ายขึ้น

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทานโยเกิร์ต

การที่เราจะเลือกทานโยเกิร์ตดีๆ สักตัวเพื่อให้ได้ประโยชน์และคุณภาพแบบเต็มๆ นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งเวลาที่เลือกทาน การเลือกยี่ห้อที่มีคุณประโยชน์เหมาะสม การจัดเก็บ หรือวันหมดอายุ ฯลฯ วันนี้พี่อะเครุมีข้อควรรู้เกี่ยวกับการทานโยเกิร์ตมาฝาก เพื่อให้เราได้รับประโยชน์และคุณภาพอย่างเต็มที่ทุกคำ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  • ทานโยเกิร์ตตอนเช้าช่วยการดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ อาจเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยว่า “เราควรทานโยเกิร์ตตอนไหน” “ทานเวลาใดถึงจะได้ประโยชน์เยอะที่สุด” จริงๆ แล้วโยเกิร์ตสามารถทานได้ทุกช่วงเวลาเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า กลางวัน ช่วงหัวค่ำ และก่อนนอน หากใครอยากทานตอนท้องว่างก็ได้ แต่ถ้าทานตอนเช้าจะช่วยเรื่องการขับถ่าย และยังทำให้ร่างกายรับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การทานในเวลาอื่นๆ ยังมีส่วนช่วยที่แตกต่างออกไปอีกเช่นกัน เช่น ทานก่อนนอนช่วยให้หลับง่ายขึ้น
  • กินโยเกิร์ตทั้งที ไม่ควรแช่แข็ง ใครที่ชอบนำโยเกิร์ตไปแช่ช่องฟรีซ พอเสร็จแล้วจะได้โยเกิร์ตที่เย็นฉ่ำ ทานแล้วสดชื่น มีความสุขมากๆ แต่ที่จริงแล้วการที่จะทานโยเกิร์ตให้ได้สารอาหารแบบเต็มๆ ไม่ควรที่จะนำโยเกิร์ตไปแช่แข็งเพราะว่าจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตที่ยังมีชีวิตอยู่จะหยุดการเจริญเติบโต เมื่อทานแล้วอาจทำได้จุลินทรีย์ที่ไม่มีชีวิตและทำให้โยเกิร์ตไม่มีประโยชน์นั่นเอง
  • ควรทานโยเกิร์ตตามฉลากวันหมดอายุ มีหลายคนสงสัยกันไม่น้อยว่าโยเกิร์ตที่หมดอายุแล้วสามารถนำมาทานได้หรือไม่ จริงๆ แล้วอาจมีการเข้าใจผิดว่าทานได้ แต่เมื่อเลยวันหมดอายุไปแล้วก็จะทำให้รสชาติหรือกลิ่นนั้นเปลี่ยนแปลงและอาจมียีสต์หรือราขึ้น จึงไม่สามารถนำมารับประทานได้ ทางที่ดีเมื่อซื้อโยเกิร์ตมาแล้ว ควรทานให้ทันตามที่ฉลากกำหนดจะปลอดภัยและได้สารอาหารอย่างเต็มที่ที่สุด
  • ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส ก่อนหน้านี้เราพูดถึงเรื่องการแช่แข็งโยเกิร์ตแล้วว่าทำให้จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตหยุดการเจริญเติบโต ทีนี้หลายๆ คนอาจสงสัยว่าเราควรแช่ที่อุณหภูมิเท่าไหร่เพื่อไม่ให้โยเกิร์ตแข็งไปหรือถ้าหากความเย็นไม่เพียงพอจะทำให้โยเกิร์ตหมดคุณภาพหรือไม่ อุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียสถือว่าเหมาะสมสำหรับการแช่โยเกิร์ต ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาการเก็บรักษา ประมาณ 10 วันด้วย

รีวิว 8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี!?

มาถึงช่วงเวลาสำคัญกันแล้วที่เราจะได้ทำความรู้จักกับทั้งรสชาติ เนื้อสัมผัส ความหวาน และอื่นๆ ของโยเกิร์ตทั้ง 8 ยี่ห้อ ที่พี่อะเครุเลือกมารีวิวกัน จะมีตัวไหนน่าทานและรสชาติโดนใจบ้างไปดูกันเลย

1. โฟร์โมสต์ โยเกิร์ต ไขมันต่ำ (Foremost Low Fat Yoghurt)

มาเริ่มกันที่โฟร์โมสต์ โยเกิร์ต ไขมันต่ำ รสธรรมชาติ ต้องบอกเลยว่าคำแรกที่ชิม รสชาติของโยเกิร์ตนั้นกลมกล่อมมากๆ เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะได้กลิ่นนมที่หอมละมุนแตะจมูก ความหวานกำลังพอดีผสมกับความเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้ทานเพลินจนลืมเวลา ไม่ต้องกังวลว่าจะหวานเกิน เหมาะมากกับการทานตอนเช้า เพราะกินทุกเช้าเบาทุกวัน และยังมีโพรไบโอติกส์ที่มีประโยชน์อย่าง บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B.Lactis) มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลลำไส้ การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ใครกำลังเจอปัญหาเรื่องท้องผูกและการขับถ่ายแล้วทำให้พุงป่องต้องลองทานเลย จะได้มีหุ่นสวย หน้าท้องแบน ใส่อะไรก็มั่นใจ สนุกกับการแต่งตัวยิ่งขึ้น! ส่วนเนื้อสัมผัสมีความเนียนนุ่มและเข้มข้นกำลังพอดี ใครที่อยากลองรสชาติอื่น โฟร์โมสต์ก็มีอีก 3 สูตร ที่รสชาติอร่อยให้ไม่แพ้กันให้ได้ลอง ได้แก่ โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผสมผลไม้รวม, โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผสมวุ้นมะพร้าว และโยเกิร์ตไขมันต่ำ ผสมธัญพืช แต่ละรสชาติก็อร่อยและมีประโยชน์ไม่แพ้กัน

ผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ โยเกิร์ต ไขมันต่ำ (Foremost Low Fat Yoghurt)
ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 14 บาท 135 กรัม
  • แพ็ค 4 ถ้วย แพ็คละ 52 บาท
  • จุดเด่น
  • มีบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B.Lactis)
  • ช่วยเรื่องการปรับสมดุลลำไส้
  • ช่วยในการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • รสชาติอร่อย กลิ่นหอมละมุน ไขมันต่ำ
  • ปริมาณน้ำตาล11 กรัม
    ปริมาณไขมัน2.5 กรัม
    พลังงาน110 แคลอรี่
    พิกัด7-11, Tops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    กินหนม: ตัวเนื้อโยเกิร์ตนุ่มละมุน รสชาติกลมกล่อม อร่อย แถมไขมันต่ำ แถมยังช่วยปรับสมดุลในลำไส้อีกตะหากกก

    Facebook

    2. โยเกิร์ตดัชชี่ รสออริจินัล (Dutchie Yoghurt)

    สำหรับโยเกิร์ตเลิฟเวอร์ทุกคนคงรู้จักโยเกิร์ตดัชชี่ รสออริจินัล กระปุกสีน้ำเงินสุดคลาสสิกตัวนี้เป็นอย่างดี เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะได้กลิ่นของนมที่ชัดเจน รสชาติมีความเข้มข้น หอมมัน ทั้งความหวานที่ผสมกับความเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้เหมาะมากที่จะทานเป็นอาหารว่าง ทานคู่กับผลไม้ หรือทำเมนูโยเกิร์ตโบลว์เริ่ดๆ ก็ได้ เพราะว่าเนื้อมีความเข้มข้นมาก อีกทั้งยังมีสารอาหารอย่างจุลินทรีย์ที่มีชีวิต แคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และวิตามินต่างๆ อย่าง วิตามินดี บี 2 และบี 12 และยังมีรสอื่นให้เราเลือกทานอีกเพียบ ทั้งรสออริจินัล, วุ้นมะพร้าว, สตรอว์เบอร์รี, ผลไม้รวม, ธัญญาหารถั่วและเม็ดบัว และน้ำผึ้งมะนาวและบุก

    ผลิตภัณฑ์ยเกิร์ตดัชชี่ รสออริจินัล (Dutchie Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 14 บาท 135 กรัม
  • แพ็ค 4 ถ้วย แพ็คละ 54 บาท
  • จุดเด่น
  • กลิ่นนมชัดเจน
  • มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต
  • มีวิตามินดี บี 2 และ บี 12
  • ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  • มีให้เลือก 6 รสชาติ
  • ปริมาณน้ำตาล14 กรัม
    ปริมาณไขมัน3.5 กรัม
    พลังงาน130 แคลอรี่
    พิกัด7-11, Tops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    nattaboat: ลองเอาโยเกิร์ตดัชชี่ รส Original มาใส่กินกับข้าวโพดที่ซื้อมาจากตลาด คือมันลงตัวมากเว้ย ความหวานและเค็มจากข้าวโพดต้ม ที่ถูกแช่น้ำเกลือมา แล้วคลุกเคล้ากับน้ำของโยเกิร์ตคือได้ความเปรี้ยวแบบหอม ๆ โคตรดี

    Twitter

    3. โยเกิร์ตเมจิ รสออริจินัล (Meiji Original Flavoured Yoghurt)

    มาถึงโยเกิร์ตที่มีแพ็กเกจสีฟ้าน่ารักสดใสสะดุดตากันโยเกิร์ตเมจิ รสออริจินัล กันบ้าง ตัวนี้เป็นโยเกิร์ตที่มีกลิ่นนมชัดเจน มีรสชาติหวาน มัน ตัดเปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกับเนื้อเนียนนุ่ม เข้มข้น รสชาติละมุนลิ้นพอๆ กับเนื้อโยเกิร์ตเลย ทำให้ทานเพลิน ส่วนสารอาหารมีทั้งจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ วิตามินบี 2 และแคลเซียม ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ส่วนรสชาติมีให้เลือกถึง 7 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินัล, วุ้นมะพร้าว, องุ่นผสมวุ้นมะพร้าว, พีชผสมวุ้นมะพร้าว, มิกซ์เบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี และกลิ่นองุ่นมัทแคสผสมอโลเวร่า

    ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตเมจิ รสออริจินัล (Meiji Original Flavoured Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 13 บาท 135 กรัม
  • แพ็ค 4 ถ้วย แพ็คละ 52 บาท
  • จุดเด่น
  • เนื้อเนียนนุ่ม
  • กลิ่นนมชัดเจน
  • มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์
  • มีวิตามินบี 2 และแคลเซียม
  • มีให้เลือก 7 รสชาติ
  • ปริมาณน้ำตาล14 กรัม
    ปริมาณไขมัน3.5 กรัม
    พลังงาน120 แคลอรี่
    พิกัด7-11, Tops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    4. ริชเชส โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Richesse 43% Less Sugar Yoghurt)

    ใครที่ชอบโยเกิร์ตสูตรหวานน้อยแต่ยังคงมีรสชาติที่กลมกล่อมอยู่ต้องห้ามพลาดตัวนี้เลย ริชเชส โยเกิร์ตไขมันต่ำ เพราะว่าสูตรนี้ลดน้ำตาลลงถึง 43% จากสูตรเดิมและยังไขมันต่ำ ใครที่ไม่ทานหวานหายห่วงไปได้เลย มาถึงในด้านรสชาติกันบ้าง ต้องบอกว่าถึงลดน้ำตาลลงแต่ก็ยังมีรสชาติกลมกล่อม มีความเปรี้ยวและความมันตัดกับความหวานที่กำลังพอดี มีกลิ่นนมไม่อ่อนหรือไม่ชัดเจนเกินไป ที่สำคัญเนื้อเข้มข้นมาก ส่วนสารอาหารมีทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 รวมถึงโฟเลตสูงที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ มีให้เลือกทาน 5 รสชาติ ได้แก่ โยเกิร์ตไขมันต่ำ, โยเกิร์ตไขมันต่ำผสมฟรุตสลัด, โยเกิร์ตไขมันต่ำผสมลูกพรุน, โยเกิร์ตไขมันต่ำผสมสตรอว์เบอร์รี และโยเกิร์ตไขมันต่ำผสมวุ้นมะพร้าว

    ผลิตภัณฑ์ริชเชส โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Richesse 43% Less Sugar Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 14 บาท 135 กรัม
  • แพ็ค 4 ถ้วย แพ็คละ 56 บาท
  • จุดเด่น
  • ลดน้ำตาลลง 43%
  • ไขมันต่ำ
  • เนื้อเข้มข้น
  • มีวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6
  • มีโฟเลตสูง
  • ปริมาณน้ำตาล8 กรัม
    ปริมาณไขมัน3 กรัม
    พลังงาน90 แคลอรี่
    พิกัด7-11, Tops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    Blackcindellera: โยเกิร์ต ริชเชส รสธรรมชาติในตอนเช้า อร่อยดีนะ

    Twitter

    5. หนองโพ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Nongpho Plain Yoghurt)

    ใครที่ชอบทานนมของหนองโพแล้ว อย่าลืมหันมาลองหนองโพ โยเกิร์ตกันบ้างล่ะ หลายคนอาจจะคุ้นชินกับนมหนองโพ แต่ต้องบอกเลยว่าโยเกิร์ตก็รสชาติดีไม่แพ้กัน ด้วยรสชาติที่เปรี้ยว มัน และหวานน้อย เพราะมีน้ำตาลเพียงแค่ 6 กรัม เมื่อเทียบกับปริมาณของโยเกิร์ต เหมาะกับการทานเล่นและทานได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน รวมถึงมีกลิ่นนมชัดเจนเพราะว่าใช้นมโคสดแท้ 100% ในการทำโยเกิร์ต ใครที่ชอบโยเกิร์ตที่มีกลิ่นนมเข้มข้น ชัดเจน และชอบดื่มนมอยู่แล้วต้องห้ามพลาดเลย และนอกจากจะมีโยเกิร์ตรสธรรมชาติให้ได้ลองกันแล้วยังมีอีก 3 รสชาติด้วยกัน ทั้งโยเกิร์ตผสมวุ้นมะพร้าว, โยเกิร์ตผสมสับปะรด และโยเกิร์ตผสมสตรอว์เบอร์รี

    ผลิตภัณฑ์หนองโพ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Nongpho Plain Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 14 บาท 130 กรัม
  • จุดเด่น
  • มีน้ำตาลเพียง 6 กรัม
  • รสชาติเปรี้ยว มัน หวานน้อย
  • เหมาะกับการทานเล่น
  • ใช้นมโคสดแท้ 100%
  • มีกลิ่นนมชัดเจน
  • ปริมาณน้ำตาล6 กรัม
    ปริมาณไขมัน5 กรัม
    พลังงาน100 แคลอรี่
    พิกัด Tops, Lotus’s และ Lawson

    6. ไทย-เดนมาร์ค โยเกิร์ต รสธรรมชาติ (Thai-Denmark Yoghurt)

    ไทย-เดนมาร์ค โยเกิร์ต รสธรรมชาติ นอกจากไทย-เดนมาร์คจะมีนมที่เราคุ้นตากับโลโก้วัวสีแดงมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ไทย-เดนมาร์คก็ยังมีโยเกิร์ตให้เราได้ลิ้มลองกันด้วย รสชาติหวานตัดกับรสเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นนมชัดเจน และที่สำคัญใช้นมโคแท้โดยไม่ผสมนมผงเลย ทำให้ได้รสชาติของนมโคอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีแค่รสธรรมชาตินะ ยังมีรสอื่นที่แปลกใหม่ให้ลองกันอีก ทั้งโยเกิร์ตผสมลูกชิด, โยเกิร์ตผสมมะเกี๋ยง, โยเกิร์ตผสมสตรอว์เบอร์รี, โยเกิร์ตผสมมัลเบอร์รี และโยเกิร์ตผสมผลไม้รวม แต่ละรสน่าสนใจมากๆ ใครที่อยากลองทานโยเกิร์ตรสใหม่ๆ อย่าลืมไปลองทานกัน

    ผลิตภัณฑ์ไทย-เดนมาร์ค โยเกิร์ต รสธรรมชาติ (Thai-Denmark Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 14 บาท 120 กรัม
  • แพ็ค 4 ถ้วย แพ็คละ 52 บาท
  • จุดเด่น
  • มีกลิ่นนมชัดเจน
  • ใช้นมโคแท้ไม่ผสมนมผง
  • มีรสหวานและเปรี้ยวเล็กน้อย
  • ได้รสชาตินมโคอย่างเต็มที่
  • มีรสชาติแปลกใหม่
  • ปริมาณน้ำตาล12 กรัม
    ปริมาณไขมัน4 กรัม
    พลังงาน100 แคลอรี่
    พิกัดTops, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    7. คาโรไลน์ โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Caroline Pot Set Yoghurt Low Fat)

    ใครที่ชอบโยเกิร์ตถ้วยใหญ่ ซื้อไว้ติดตู้เย็นสำหรับทานหลายๆ ครั้ง ห้ามพลาดกับคาโรไลน์ โยเกิร์ตไขมันต่ำ เพราะว่ามีขนาดใหญ่จุใจถึง 500 กรัม เหมาะมากๆ สำหรับนำมาทำโยเกิร์ตโบลว์เมนูต่างๆ หรือจะเก็บไว้ทานวันอื่นก็ได้ คาโรไลน์เป็นโยเกิร์ตชนิดคงตัว เนื้อจะจับตัวเป็นก้อน ไม่เหลวเหมือนกับโยเกิร์ตชนิดกวน ข้อดีก็คือเป็นโยเกิร์ตที่ไขมันต่ำเมื่อเทียบกับปริมาณทั้งหมดของโยเกิร์ต ใครที่กำลังไดเอทหรือควบคุมน้ำหนักอยู่ตัวนี้เหมาะมาก รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยและหวานน้อย เหมาะสำหรับใครที่อยากทานโยเกิร์ตแต่กังวลเรื่องความหวาน รวมถึงมีกลิ่นนมอ่อนๆ ถ้าหากใครอยากลองโยเกิร์ตที่มีเนื้อสัมผัสแตกต่างจากที่ทานอยู่ประจำ แนะนำเลย

    ผลิตภัณฑ์คาโรไลน์ โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Caroline Pot Set Yoghurt Low Fat)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 59 บาท 500 กรัม
  • จุดเด่น
  • ขนาดใหญ่ ไซซ์ประหยัด
  • เป็นโยเกิร์ตเนื้อคงตัว
  • เนื้อไม่เหลว
  • ไขมันต่ำ
  • หวานน้อย
  • ปริมาณน้ำตาล28 กรัม
    ปริมาณไขมัน9 กรัม
    พลังงาน390 แคลอรี่
    พิกัดTops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    8. โยลิดาโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Yolida Natural Flavor Low Fat Set Yoghurt)

    มาดูโยเกิร์ตยี่ห้อสุดท้ายของวันนี้กัน โยลิดาโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นโยเกิร์ตชนิดคงตัว มีเนื้อที่ข้น จับตัวเป็นก้อน เนียนละเอียด และมีกลิ่นนมอ่อนๆ รสชาติเป็นรสชาติของโยเกิร์ตธรรมชาติแท้ๆ เพราะว่าไม่มีการแต่งสีหรือแต่งกลิ่นใดๆ รวมถึงไม่ใส่สารกันเสียหมือนกับหมักโยเกิร์ตทานเองโดยไม่ปรุงแต่งเลย รสชาติไม่ติดเปรี้ยวหรือหวาน มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลต่ำ ทำให้เหมาะมากๆ สำหรับสายออร์แกนิคและสายดูแลสุขภาพ ใครที่อยากเริ่มทานโยเกิร์ตชนิดคงตัวแบบขนาดเล็กหรือจะซื้อไว้ทำเมนูอื่นๆ เช่น น้ำสลัดก็ได้

    ผลิตภัณฑ์โยลิดาโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Yolida Natural Flavor Low Fat Set Yoghurt)
    ราคา/ปริมาณ
  • ถ้วยละ 22 บาท 150 กรัม
  • จุดเด่น
  • เป็นโยเกิร์ตเนื้อคงตัว
  • ไม่มีการแต่งสีหรือกลิ่นใดๆ
  • ไม่ใส่สารกันเสีย
  • มีไขมันอิ่มตัว
  • คอเลสเตอรอลต่ำ
  • ปริมาณน้ำตาล5 กรัม
    ปริมาณไขมัน2 กรัม
    พลังงาน90 แคลอรี่
    พิกัด7-11, Tops, Lotus’s, Big C, Makro และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

    sucre vanille: เราชอบยี่ห้อนี่มากเลยค่าารู้สึกว่ามันไม่ปรุงแต่งรสชาติดี ตักออกมาแล้วเอามากวนๆให้เนียนทานกับผลไม้แห้งพวกลูกเกด แครนเบอรี่ และ มูสลี่ อร่อยมากค่ะ

    Pantip

    สรุปคะแนน 8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี!?

    หลังจากที่เรารีวิวกันแบบเจาะลึกในด้านต่างๆ ของโยเกิร์ตทั้ง 8 ยี่ห้อแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีโยเกิร์ตแบรนด์ไหนได้ดาวและถูกใจพี่อะเครุบ้าง โดยพี่อะเครุมีตารางสรุปคะแนนมาให้ดูกัน ตารางจะแบ่งเกณฑ์ออกมาเป็น 4 ด้าน ได้แก่ รสชาติ ความหวาน กลิ่น และเนื้อสัมผัส

    หมายเหตุ: การรีวิวในครั้งนี้เป็นการรีวิวที่ใช้เกณฑ์ ความชอบ และความรู้สึกส่วนตัว ของพี่อะเครุ โดยทั้งหมดไม่มีเจตนาจะพาดพิงหรือตำหนิยี่ห้อใดๆ ในเชิงลบ ไปดูกันได้เลย

    สรุป 8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี 3 อันดับที่พี่อะเครุถูกใจและให้ดาว ได้แก่ อันดับ

    See Also

    1. โฟร์โมสต์ โยเกิร์ต ไขมันต่ำ (Foremost Low Fat Yoghurt)
    2. ริชเชส โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Richesse 43% Less Sugar Yoghurt)
    3.โยเกิร์ตเมจิ รสออริจินัล (Meiji Original Flavoured Yoghurt)

    มียี่ห้อไหนที่ใครเล็งไว้ในใจว่าต้องเข้าท็อป 3 บ้างไหมน้าาา

    แจกสูตร 3 เมนู โยเกิร์ตยอดฮิต

    มาถึงส่วนที่ทำให้เราเกิดอาการหิวหน่อยๆ! โยเกิร์ตพอนำมาทานเฉยๆ ก็อร่อยแล้ว แต่ถ้าหากใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศการทานโยเกิร์ตแบบเดิมๆ ลองนำโยเกิร์ตมาประกอบเป็นเมนูต่างๆ พร้อมกับใส่ถ้วยน่ารักๆ ดูสิคะ รับรองว่าน่าทานมากขึ้นแน่นอน เหมาะมากๆ กับการนำมาทำเป็นเมนูต้อนรับเช้าวันใหม่หรือทานเป็นอาหารว่างอีกด้วย วันนี้พี่อะเครุมีสูตร 3 เมนู โยเกิร์ต ยอดฮิตมาฝาก รับรองว่าจะทำให้ทุกๆ คนเลิฟการทานโยเกิร์ตมากขึ้นอีกทั้งยังได้รับสารอาหารจากส่วนผสมอื่นเพิ่มเติม ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

    1. อะโวคาโดโยเกิร์ต

    สำหรับเมนูฟีลกู๊ดอย่างอะโวคาโดโยเกิร์ตถือว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่เหมาะมากๆ กับอาหารเช้า เพราะว่ามีประโยชน์จากสารอาหารมากมาย ทั้งโยเกิร์ตที่ช่วยให้อิ่มท้องและช่วยเรื่องระบบขับถ่าย อะโวคาโดที่ให้ไขมันดีแก่ร่างกาย กราโนล่าที่อุดมไปด้วยธัญพืชที่มีทั้งโปรตีนกับวิตามินอีกนับไม่ถ้วน และอัลมอนด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ รับรองว่าสารอาหารครบจบในถ้วยเดียว แถมอยู่ท้องอีกด้วย ไปดูวิธีทำกันเลย

    วิธีทำ

    1. นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติเทใส่ถ้วย ปริมาณตามความต้องการ
    2. หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นลูกเต๋า จากนั้นโรยลงด้านบนของโยเกิร์ตให้สวยงาม
    3. จากนั้นโรยกราโนล่าตามลงไปด้านบนของโยเกิร์ต
    4. สุดท้ายโรยอัลมอนด์สไดล์ท็อปด้านบน

    2. พุดดิ้งโยเกิร์ต

    ถ้าหากใครกำลังหาไอเดียเมนูโยเกิร์ตสำหรับวันหยุดชิลๆ ต้องห้ามพลาดเมนูนี้ เอาใจคนชอบทานของว่างและชอบทานผลไม้ด้วยพุดดิ้งโยเกิร์ต ถือว่าเป็นอีกเมนูหนึ่งที่สามารถทำได้ในวันสบายๆ พร้อมทานในช่วงวันพักผ่อนหรือดูซีรีส์ รับรองว่าได้ประโยชน์และวิตามินมากมายจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี กีวี่ และโยเกิร์ต ทานแล้วอยู่ท้อง สุขภาพดี แน่นอน

    วิธีทำ

    1. นำแผ่นเจลาตินแช่น้ำเย็นเป็นเวลา 10-15 นาที
    2. จากนั้นนำเจลาตินบีบน้ำออก แล้วนำลงไปผสมในนมสดอุ่น แล้วคนกันจนละลาย
    3. เมื่อนมสดและเจลาตินละลายเข้ากันดีแล้วให้นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติและน้ำตาลทรายลงไปผสม
    4. คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
    5. ตักใส่ถ้วยเล็กๆที่เตรียมไว้
    6. นำไปแช่เย็นเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
    7. เมื่อพุดดิ้งเซตตัวแล้วนำออกมาตกแต่งด้วยผลไม้ให้สวยงาม และทานได้เลย

    3. มะยงชิดโยเกิร์ต

    มาถึงเมนูสีสดใส พร้อมต้อนรับซัมเมอร์อย่างชื่นใจกับมะยงชิดโยเกิร์ตกันบ้าง ใครที่กำลังมองหาเมนูที่มีรสชาติหวานตัดกับรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย ทานแล้วสดชื่น ต้องลองเมนูนี้เลย ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลของมะยงชิด ถ้าหากใครที่มีมะยงชิดอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะนำมาครีเอทเป็นเมนูไหน ลองนำมาคุกกิ้งกับโยเกิร์ตดู แค่นี้ก็ได้อีกเมนูที่ทำง่ายแถมยังมีสีสันสวยงามสดใสรับซัมเมอร์สุดๆ

    วิธีทำ

    1. ตักโยเกิร์ตรสธรรมชาติลงในก้นแก้ว
    2. จากนั้นใส่มะยงชิดเพียวเร่ตามลงไป
    3. เทสลับกันระหว่างมะยงชิดเพียวเร่และโยเกิร์ตรสธรรมชาติให้เป็นชั้นที่สวยงาม
    4. ตักโยเกิร์ตราดด้านบนเป็นชั้นสุดท้าย
    5. วางเนื้อมะยงชิดลงด้านบน
    6. ตกแต่งด้วยสะระแหน่ ก็พร้อมทานแล้ว

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ รีวิว 8 โยเกิร์ตยี่ห้อไหนดี และความรู้เกี่ยวกับโยเกิร์ตแบบจัดเต็ม สำหรับโยเกิร์ตเลิฟเวอร์ สายสุขภาพที่ชอบทานโยเกิร์ต หรือใครที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย อยากรับประทานโยเกิร์ตในยามเช้าเพื่อให้เบาท้อง ก็สามารถมาดูรีวิวนี้ประกอบการตัดสินใจได้เลย แถมยังได้ไอเดียเมนูไปลองทำและรับประทานอีก รับรองว่าได้คุณค่าทางอาหารแบบจัดเต็ม ทั้งนี้การทานโยเกิร์ตให้ได้ประโยชน์อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและอาหารอื่นๆ ที่ทานอยู่ด้วย ในครั้งนี้พี่อะเครุหวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คนนะคะ ชอบยี่ห้อไหนบ้างอย่าลืมมาแชร์กันน้าาา

    View Comments (0)

    Leave a Reply

    Your email address will not be published.

    CAPTCHA


    Scroll To Top