รังแคเป็นอาการที่พบได้โดยทั่วไป ซึ่งผู้คนกว่าครึ่งบนโลกนี้ก็ประสบกับปัญหานี้ แม้ว่ารังแคจะทำให้เราขาดความมั่นใจและรู้สึกวิตกกังวล แต่การทราบว่ารังแคคืออะไร อะไรคือสาเหตุ วิธีการรักษารังแค และการหลีกเลี่ยงรังแคก็จะเป็นก้าวแรกที่ช่วยในการขจัดรังแคให้หายขาดได้ค่ะ
รังแคคืออะไร
รังแค เป็นอาการทางผิวหนังที่ส่งผลต่อหนังศีรษะและเส้นผม ทำให้เกิดสะเก็ดสีเทาหรือสีขาวขึ้น สะเก็ดเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือเซลล์หนังศีรษะเก่า แต่หลุดลอกในอัตราที่เร็วกว่าปกติ หนังศีรษะที่มีสุขภาพดีจะหลุดลอกเซลล์ที่ตายแล้วประมาณเดือนละหนึ่งครั้ง และจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทนอย่างรวดเร็ว เมื่อกระบวนการนี้เร่งเร็วขึ้น หนังศีรษะของคุณก็จะผลิตเซลล์ที่ตายแล้วมากขึ้น ทำให้เกิดรังแคนั่นเอง

smuggbugg
สาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค
สาเหตุมีหลายปัจจัย เช่น ผิวมัน หนังศีรษะมัน ความเครียด อากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หรือสระผมน้อยเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดรังแคได้ แต่สาเหตุที่แท้จริงก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน นักวิจัยของผลิตภัณฑ์เคลียร์แนะนำว่าหนังศีรษะที่อ่อนแอ (หมายถึงหนังศีรษะที่ขาดความชุ่มชื้นและเซลล์อ่อนแอ) ตลอดจนมีเชื้อรา Malassezia อาจก่อให้เกิดรังแคได้
Malassezia คือเชื้อราที่เติบโตในบริเวณที่มีความมัน เช่น หน้าอก ใบหน้า หลังส่วนบน และหนังศีรษะ การทำงานที่แท้จริงของ Malassezia นั้นยังไม่เป็นที่กระจ่างชัด อย่างไรก็ตาม หนังศีรษะที่มีรังแคมีแนวโน้มที่จะมีเชื้อรา Malassezia สูงกว่าที่อื่น ทั้งนี้ เราเชื่อว่าเมื่อหนังศีรษะมีสุขภาพแย่ลง ก็จะทำให้สารที่เกิดจาก Malassezia ส่งผลให้หนังศีรษะคัน และทำให้เกิดรังแคมากขึ้น สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ เมื่อกำจัด Malassezia ได้ก็จะทำให้อาการของรังแคลดลง
![]()
healthline
20 วิธีขจัดรังแคให้หายขาด
#1 ยาแอสไพริน (Aspirin)
ยาแอสไพรินอยู่ในรูปของยาระงับปวด ยาลดไข้ และยาแก้อักเสบ แอสไพรินมีสารออกฤทธิ์เดียวกับ Salicylic Acid ซึ่งอยู่ในแชมพูขจัดรังแคหลายๆ ยี่ห้อ
วิธีการทำ
- บดยาแอสไพริน 2 เม็ด แล้วผสมกับแชมพูปกติ
- ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
- สระผมตามปกติ
- หากสระเสร็จแล้ว แต่ยังรู้สึกว่ามีผงของแอสไพรินอยู่บนหนังศีรษะ ให้สระอีกรอบ

lacitadelle
#2 น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
น้ำมันมะกอกสามารถใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่หนังศีรษะแห้งเพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะลอก และใช้ชโลมลงบนหนังศีรษะในบริเวณที่มีสะเก็ด การทำเช่นนี้จะทำให้สะเก็ดลอกออกมาเป็นแผ่นเดียว ไม่แตกออกเป็นเศษเล็กๆ
วิธีการทำ
- นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะกอกอุ่นๆ ก่อนนอนทุกคืน
- แล้วล้างออกด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน ในตอนเช้า
ข้อแนะนำ
- อย่าลืมใส่หมวกคลุมผมเพื่อป้องกันความมันจากน้ำมันเลอะที่นอนด้วยนะคะ
- ควรใช้น้ำมันมะกอกอุ่นๆ และต้องไม่ร้อนเกินไป

#3 Tea Tree Oil
มีการวิจัยพบว่าการใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil เพียงแค่ 5 % ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษารังแคได้ หากไม่มีแชมพูที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil ก็สามารถใช้วิธีหยดสารสกัด Tea Tree Oil ผสมกับแชมพูที่คุณชื่นชอบแทน

keeperofthehome
#4 ขิง (Ginger)
ขิงมีสาร Anti-Inflammatory ซึ่งเป็นยาแก้อักเสบ และสามารถกระตุ้นกระเจริญเติบโตของเส้นผมได้ หากผสมขิงกับน้ำมัน เช่น น้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการรักษารังแคได้
วิธีการทำ
- ปลอกขิงและใช้เครื่องขูด เพื่อทำให้เป็นชิ้นเล็กๆ
- ใส่น้ำมันงา (Sesame Oil) 4 ออนซ์ ลงในถ้วยขนาดเล็ก
- ใส่ขิงที่บดไว้แล้วในผ้าขาวบาง แล้วคั้นน้ำขิงออกมาใส่ในถ้วยที่มีน้ำมันงา จากนั้นผสมให้เข้ากัน
- นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันที่ผสมแล้ว ทิ้งไว้สักครู่
- ล้างออกด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน

#5 น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar)
Dr. Mehmet Oz กล่าวว่า น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถขจัดรังแคได้เพราะมันจะช่วยปรับค่า pH บนหนังศีรษะนั่นเอง
วิธีการทำ
- นำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 1/4 ถ้วย ผสมกับ น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
- ใส่ลงในขวดสเปรย์
- ฉีดสเปรย์ที่หนังศีรษะ
- เช็ดผมด้วยผ้าขนหนู แล้วทิ้งไว้ 15 นาที – 1 ชั่วโมง
- สระผมตามปกติ
- ทำเช่นนี้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์

healthline
#6 น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
วิธีการทำ
- ก่อนอาบน้ำให้นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะพร้าว 3-5 ช้อนโต๊ะ
- ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
- สระผมตามปกติ หรือจะใช้แชมพูที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าวด้วยก็ดีนะคะ

alibaba
#7 แอปปเปิ้ล (Apples)
แอปเปิ้ลดิบอุดมไปด้วย Procyanidin B-2 ซึ่งก็คือสารธรรมชาติที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม สำหรับคนที่เป็นรังแคหนักมากๆ จนเกิดอาการผมร่วงเจ้าแอปเปิ้ลนี่แหละค่ะ ที่จะใช้ให้ผมกลับมาสุขภาพดี
วิธีการทำ
- ผสมน้ำแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่าในปริมาณเท่ากัน
- ทาลงบนหนังศีรษะ แล้วทิ้งไว้ 15 นาที
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน

#8 เลมอน (Lemon)
กรดจากเลมอนจะช่วยทำให้ค่า pH บนหนังศีรษะสมดุล ซึ่งจะสามารถขจัดรังแคได้ หากคุณทำเป็นประจำทุกวัน
วิธีการทำ
- ใช้น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ นวดที่หนังศีรษะ
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- จากนั้นผสมน้ำเลมอน 1 ช้อนชา กับน้ำเปล่า 1 แก้ว
- นำน้ำเลมอนผสมน้ำเปล่ามาชะโลมผมอีกครั้งเป็นอันเสร็จ

#9 เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed)
เมล็ดแฟลกซ์ หรือเมล็ดของต้นปอป่าน มีกรดไขมันที่ช่วยรักษาปัญหาอาการคันที่ผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน อาการผื่นผิวหนังอักเสบ และรังแค แต่การรักษาด้วยเมล็ดแฟลกซ์นี้ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนถึงจะเห็นผล จึงต้องมีความอดทนสักหน่อย นอกจากนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังช่วยต่อต้านโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วยนะคะ
วิธีการทำ
- รับประทานน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ 1-2 ช้อนชาต่อวัน
- รับประทานเป็นประจำทุกวัน

wellnessbakeries
#10 เมล็ดลูกซัด (Fenugreek Seed)
ลูกซัดคือเมล็ดถั่วที่เป็นเครื่องเทศสำคัญในอาหารอินเดีย และยังมีประโยชน์ทางการแพทย์เช่นกัน ลูกซัดมีโปรตีนและกรดอะมิโนสูงซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและขจัดปัญหารังแค นอกจากนี้ยังมีสารเลซิติน (Lecithin) เข้มข้น ซึ่งสามารถช่วยให้เส้นผมและหนังศีรษะแข็งแรง แถมยังทำให้ผมนุ่มลื่นอีกด้วย
วิธีการทำ
- นำลูกซัด 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในน้ำเปล่า 1 – 2 ถ้วย
- ทิ้งไว้ข้ามคืน
- จากนั้นบดลูกซัดที่แช่น้ำไว้แล้วให้ละเอียด แล้วทาลงบนหนังศีรษะ ทิ้วไว้ 30-45 นาที
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนหรือน้ำสะอาด

fashionlady
#11 น้ำเลมอน + ไม้จันทน์หอม หรือ กระเทียม
ในกระเทียมและไม้จันทน์หอมมี Antimicrobial ซึ่งมีมีฤทธิ์ทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพได้ และน้ำเลมอนจะช่วยรักษาpH บนหนังศีรษะให้สมดุล
วิธีการทำ
- นำน้ำเลมอน 1 ส่วน ไปผสมกับกระเทียมหรือไม้จันทน์ 2 ส่วน ผสมจนเป็นลักษณะคล้ายแป้งเปียก
- จากนั้นทาที่หนังศีรษะ ทิ้งไว้ 20-30 นาที
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนหรือน้ำสะอาด

#12 ใบสะเดา (Neem Leaves)
ใบสะเดาคือสมุนไพรอินเดียที่มีประโยชน์ต่อการรักษารังแคเป็นอย่างมาก มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการคันและยับยั้งการเจริญเติบโตของรังแคที่ทำให้เกิดเชื้อราได้ แต่บางคนอาจจะทนกลิ่นแรงๆ ของมันไม่ไหวนะคะ
วิธีการทำ
- เตรียมน้ำร้อน 4-5 ถ้วยตวง แล้วนำใบสะเดา 2 กำมือ ใส่ลงไป ทิ้งไว้ 1 คืน
- แยกน้ำออกมา แล้วใช้น้ำนั้นล้างผม
- หรือทำโดยการบดใบสะเดาแล้วหมักที่หนังศีรษะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนหรือน้ำสะอาด

isha.sadhguru
#13 ลิ่มน้ำนม (Curd)
คุณสมบัติที่เป็นกรดของลิ่มน้ำนมจะช่วยขจัดรังแคและทำให้ผมนุ่มเงางาม
วิธีการทำ
- นำนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตในปริมาณเล็กน้อย (เพียงพอกับการใช้มาส์กผม) ทิ้งไว้ 1-2 วัน ในพื้นที่เปิดเพื่อเป็นการหมัก
- นำนมที่หมักแล้วไปปั่น จากนั้นนำมามาส์กผม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน
hindustantimes
#14 พริกไทยดำ (Black Pepper)
การใช้พริกไทยดำเพื่อขจัดรังแคเป็นสูตรเก่าแก่จากประเทศอินเดีย เนื่องจากในพริกไทยดำมีสังกะสี (Zinc) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านรังแค
วิธีการทำ
- ใส่พริกไทยดำ 2 ช้อนชา ลงในโยเกิร์ต 1 ถ้วย คนให้เข้ากัน
- ทาลงบนหนังศีรษะในบริเวณที่มีปัญหา ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน

#15 ออกไปเจอแสงแดดบ้าง
มีความเชื่อมโยงกันระหว่างรังแคและแสงแดดแต่ยังไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไม เพราะมีหลายคนที่เป็นรังแคแล้วมีอาการดีขึ้นเมื่อได้ออกไปเจอแสงแดดมากขึ้น และเป็นไปได้ว่าอากาศที่แห้งในช่วงฤดูหนาวอาจเป็นสาเหตุของรังแคได้ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีแสงแดด แสงแดดอาจช่วยทำให้น้ำมันส่วนเกินเหือดหายไป หรืออาจเป็นเพราะการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้างจะทำให้มีความสุข คลายความเครียด แม้ว่าจะไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่นี่ก็เป็นวิธีการรักษารังแคที่คุณควรลอง
วิธีการทำ
- ใช้เวลากลางแจ้งให้หนังศีรษะกระทบแสงแดดวันละประมาณ 10-15 นาที
- อย่าอยู่นานเกินเวลาที่กำหนดเพราะรังสี UV สามารถเป็นอันตรายต่อผิว ผม และสุขภาพของคุณได้
- สามารถทำได้ทุกวัน

#16 น้ำผึ้ง (Honey)
น้ำผึ้งดิบ (raw honey) หรือน้ำผึ้งที่ไม่ผ่านความร้อน เป็นสารธรรมชาติที่สามารถดูดซับความชื้นได้ (Humectant) ซึ่งจะช่วยให้เส้นผมสามารถกักเก็บความชุ่มชื้มไว้ และช่วยลำเลียงวิตามิน A, C, D, E, B เชิงซ้อน เบต้าแคโรทีน และแร่ธาตุอีกมากมาย ได้แก่ เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม แมงกานีส แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งน้ำผึ้งจะช่วยขจัดรังแคและป้องกันรังแคจากผมที่เกิดใหม่
วิธีการทำ
- ทาน้ำผิ้งเจือจางลงบนหนังศีรษะและนวด 2-3 นาที
- ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง
- ทำเป็นประจำทุกวัน
จากการศึกษากับผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ (Seborrheic dermatitis) และโรครังแค จำนวน 30 คน พบว่าอาการคันบรรเทาขึ้นและจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ และแผลที่ผิวหนังหายเป็นปกติและหายไปภายใน 2 สัปดาห์ หลังจาก 2 สัปดาห์พบว่า ผู้ที่ทำการรักษานี้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์อาการจะไม่กำเริบอีก

#17 เปลี่ยนแชมพู
ถ้าแชมพูที่คุณใช้อยู่ไม่มีผลต่อการรักษารังแคเลยก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนไปใช้แชมพูขจัดรังแคแล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนจะซื้อแชมพูนั้นคุณต้องตรวจสอบส่วนประกอบของแชมพูขจัดรังแคเสียก่อน
ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนประกอบดังนี้
- Zinc Pyrithione ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย
- Selenium Sulfide ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อน ๆ และมีคุณสมบัติในการจัดการกับเชื้อรา
- กรดซาลิซิลิก (Salicylic Acid) เป็นสารขัดผิวที่ตายแล้ว
- คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ซึ่งสามารถต่อต้านรังแคได้

ซึ่งทางเราก็มีแชมพูแนะนำอยู่ตัวหนึ่งค่ะ ซึ่งมี Zinc Pyrithione เป็นส่วนผสมด้วย ที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องรังแครังควานใจ อย่าง Head & Shoulders Anti-Dandruff Shampoo (Apple Fresh) เป็นแชมพูช่วยขจัดรังแคโดยตรงเลย มาพร้อมกับกลิ่นหอมของแอปเปิ้ล ให้ความสดชื่นระหว่างสระ และหลังสระ เพิ่มเติมคือ สูตรใหม่ เป็นไตร แอคชั่น ช่วยขจัดและป้องกันรังแคและสิ่งสกปรกต่างๆ ส่วนใครหนังศีรษะแห้งตัวนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลย แนะนำว่าควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลค่ะ
(ราคา 149 บาท ขนาด 330 มล.)

mirror
#18 เบคกิ้งโซดา (Baking Soda)
เบกกิ้งโซดาจะช่วยกำจัดเชื้อราที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของรังแคได้ ตอนทำสูตรนี้ในช่วงแรกเส้นผมจะแห็งเล็กน้อย แต่หลังจากทำไม่กี่สัปดาห์ หนังศีรษะของคุณจะเริ่มผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้เส้นผมนุ่มขึ้น และปราศจากรังแค
วิธีการทำ
- ทำผมให้เปียกด้วยน้ำอุ่น
- นำเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเล็กน้อย จนคล้ายแป้งเปียก
- ทาลงบนหนังศีรษะ และนวดประมาณ 2-3 นาที
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนหรือน้ำสะอาด

#19 เกลือ (Salt)
การถูเกลือที่หนังศีรษะค่อนข้างมีผลดีสำหรับการขจัดรังแค
วิธีการทำ
- ทาเกลือที่หนังศีรษะ แล้วถูสักพักหนึ่ง
- สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน

#20 พบแพทย์
หากคุณลองมาทุกวิธีหรือใช้แชมพูขจัดรังแคมาอย่างน้อย 1 เดือน แล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง หรือหนังศีรษะมีอาการบวมแดง ก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนังได้แล้วค่ะ ควรเป็นแพทย์เฉพาะทางด้วย ซึ่งคุณอาจจะมีอาการทางผิวหนังชนิดอื่นที่ไม่ใช้รังแคก็เป็นได้ เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธีนะคะ
วิธีการหลีกเลี่ยงรังแค
1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
รับประทานอาหารที่มี ซิงค์ โอเมก้า3 วิตามิน E และ B หลีกเลี่ยงอาหารที่มียีสต์และน้ำตาล
2. สระผมเป็นประจำ
3. เติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม
ใช้ครีมนวดอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผม

dermatologyalliancetx
4. หวีผมหลังอาบน้ำหรือสระผมทุกครั้ง
การหวีผมจะช่วยให้น้ำมันที่หนังศรีษะตามธรรมชาติกระจายไปทั่วหนังศีรษะนั่นเอง
5. ใช้แชมพูเยอะๆ
หนึ่งในสาเหตุหลักของรังแคคือผิวมัน ซึ่งทำให้หนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดและเมื่อเป็นรังแคแล้ว การสระผมด้วยแชมพูในปริมาณมาก จะช่วยลดอาการคันได้
6. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเยอะเกินไป
ได้แก่ สเปรย์ มูส หรือเจลใส่ผม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของรังแคสำหรับบางคนได้
เกือบทุกวิธีรักษารังแคที่ทางเรานำมาฝากนั้นสามารถทำง่ายๆ ด้วยของใช้ในครัวเลยนะคะ อย่างน้อยก็คุ้มค่าแก่การลองดูว่าไหมเอ่ย.. อย่างไรก็ตามหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครที่กำลังหาวิธีรักษารังแคอยู่นะคะ 
ที่มา: clearadth, selfcarer, smuggbugg, healthline
มีประสบการณ์เขียนบทความเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความงามมากว่า 3 ปี โดยเฉพาะบทความด้านความสวยความงามของสาวๆ จะสนใจมากเป็นพิเศษ และหากสงสัยว่าทำไมต้อง little nomad? 'nomad' หมายถึงกลุ่มคนที่เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ใส่ 'little' เพิ่มเข้าไปเพื่อความน่ารักปุ๊กปิ๊ก เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชอบเที่ยวมากกกก ซึ่งไม่ใช่แค่เที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่ยังหมายถึงการท่องโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อตามเทรนด์บิวตี้ เรื่องสวยๆ งามๆ อีกด้วย นี่แหละค่ะคือเรื่องที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเรื่องดูแลหุ่น ผิวพรรณ ทางเราลองผิดลองถูกมาเยอะแล้ว เลยอยากมาแชร์เพื่อนๆ กัน!












