ภาษากายเป็นภาษาแห่งการสิ่อสารที่คุณใช้ส่งสารให้กับผู้อื่นทุกวันโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพียงแค่คุณขยิบตา จับมือ กอด ซึ่งการใช้ภาษากายสามารถช่วยทำให้คนรู้สึกดี รวมทั้งการทำให้บางคนรู้สึกสงสัยไปพร้อม ๆ กัน และเมื่อใดก็ตามที่พูดถึงเรื่องนี้จะต้องมีบางคนที่รู้สึกอึดอัดกับเทคนิคทางจิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แน่ ๆ
เมื่อพูดถึงการโน้มน้าวหลาย ๆ คนมักจะคิดถึงความหมายลบ ๆ ทันที เพราะสิ่ง ๆ นี้สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือความคิดของใครบางคนได้ในทันที ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป เว้นเสียแต่ว่าผู้พูดจะมีเจตนาที่ไม่ดี
ตัวอย่างที่ 1 :: โน้มน้าวใจในทางที่ไม่ดี
คนไม่ดียังไงก็คือคนไม่ดี และคนที่ไม่ดีก็มักจะทำตัวหน้าสงสัย อย่างเช่น ในห้องเรียนของคุณมีเพื่อนที่น่ารักแบ๊ว ๆ แต่หัวโจกของห้องไม่ชอบเขาเอาซะเลย หัวโจกคนนี้ก็เลยมักจะพูดจาหว่านล้อมเพื่อให้เพื่อน ๆ ในห้องเริ่มไม่ชอบสาวแบ๊วคนนี้ นี่คือพฤติกรรมชอบพูดโน้มน้าวในทางที่ไม่ดีนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างที่ 2 :: โน้มน้าวใจในทางที่ดี
ผู้ที่โน้มน้าวแล้วช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างเช่น สาวปาร์ตี้คนหนึ่งเป็นคนที่โน้มน้าวใจเก่ง เมื่อเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับคนอื่น เขาก็พร้อมที่จะยิ้ม และกล่าวคำขอโทษ แม้ว่าผู้อื่นจะเป็นคนผิด พวกเขาจะไม่ใช้วิธีที่รุนแรง แต่มีวิธียุติสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี
และนี่คือ 5 ทริคสร้างภาษากายของคุณให้เป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้พบเห็น
ส่วนที่ 1 ทัศนคติและภาษากาย
จิตใจของมนุษย์จะตัดสินว่าอะไรที่คุณควรทำหรือไม่ควรทำ ว่าคน ๆ นี้น่าสนใจมั้ย? สนิทกันแล้วจะสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่า? เขากำลังหาผลประโยชน์จากตัวคุณหรือไม่? อย่าลืมให้ความสำคัญกับสัญชาตญาณเหล่านี้ นอกจากนี้…
ความมั่นใจและปลอดภัย
แต่ละคนมีวิธีสร้างความมั่นใจ และ คลายความกังวลที่แตกต่างกันออกไป การทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อผ่อนคลายจากความกังวล จะทำให้คุณมีแรงกำลัง พร้อมกลับมารับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้
ทุกคนคือเพื่อน
หากคุณต้องการเพื่อนที่ดี คุณก็จะต้องเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเขาก่อน ประโยคนี้ใช้ได้จริง แต่การเป็นเพื่อนที่ดีในที่นี้ต้องเคารพซึ่งกันและกัน หากคุณรู้สึกว่าเพื่อนของคุณเริ่มล้ำเส้น คุณก็มีสิทธิ์ลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขาลงได้เช่นกัน
เคารพผู้อื่น
ต่อเนื่องจากข้อเมื่อสักครู่นี้ การปฏิบัติต่อคนรอบตัวด้วยความเคารพทั้งความคิดและการกระทำ เห็นบุคคลรอบ ๆ ตัวเป็นคนที่สำคัญก็จะทำให้ผู้อื่นเคารพ และรักคุณเช่นกัน
ชอบทุกคน
การชอบทุกคนในที่นี้คือ การเลือกมองแต่สิ่งดี ๆ มากกว่ามองหาแต่ข้อเสียของคน ๆ นั้น
คิดที่จะทำเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ
คุณสามารถให้คำปรึกษา ช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่ต้องปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง
ส่วนที่ 2 ท่าทาง
ร่างกายของคุณส่งสัญญาณบางอย่างแก่คนที่คุณพบเห็นอยู่ตลอดเวลา ท่าทางของคุณมีอิทธิพลต่อผู้พบเห็นที่จะตัดสินคุณว่าคุณเป็นคนอย่างไร เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต
ยืนหลังตรง แต่ดูผ่อนคลาย
เปิดขาให้กว้างพอดีกับสะโพกของคุณ จินตนาการว่าคุณโดนดึงหัว อย่าแอ่นหน้าอกจนเกินไป ปล่อยให้หัวไหล่และศีรษะใหผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ
นั่งหลังตรง แต่ต้องไม่เกร็ง
คนส่วนใหญ่เวลานั่งมักจะดูตัวเล็กลงกว่าปกติเล็กน้อย เพราะฉะนั้นแนะนำให้นั่งหลังตรง แต่ให้ผ่อนคลายมากที่สุด
วางเท้าให้เสมอกับสะโพก
การวางเท้าในตำแหน่งนี้เป็นท่าทางที่แสดงถึงความมั่นใจ
ส่วนที่ 3 การเริ่มต้นเข้าหากับผู้อื่น
ไม่ว่าคุณจะเริ่มเข้าเรียน เริ่มทำงาน ก็ย่อมต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อยู่เสมอ
ยิ้มอย่างมีความสุข
หากคุณเป็นคนยิ้มยากลองหัวเราะไม่มีเหตุผล หรือนึกถึงเรื่องสนุก ๆ ก็จะทำให้การยิ้มของคุณดูเป็นธรรมชาติ
ทักทายผู้อื่น
คุณอาจจะเริ่มต้นการทักทายผู้อื่นก่อน ด้วยการยิ้ม นอกจากนี้การมองตาระหว่างสนทนาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวร้าว แต่จะทำให้คู่สนทนามองเห็นว่าคุณเป็นคนที่น่าดึงดูด
ส่วนที่ 4 การจับมือ
จับมืออย่างแน่นหนา แต่อ่อนโยน
การจับมือเบา ๆ บ่งบอกถึงการที่คุณไม่มีความมั่นใจ ขาดความเชื่อมั่น ตรงกันข้ามหากคุณบีบมือแน่นแรงจนเกินไปก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวร้าวได้เช่นกัน
สบตาขณะจับมือ
การมองไปที่อื่นขณะที่จับมือ แสดงให้เห็นถึง การไม่ให้ความสนใจ เหมือนมีบางอย่างปิดบังคู่สนทนาอยู่
ส่วนที่ 5 การจัดวางท่าทาง
จัดวางร่างกาย เปิดไหล่กว้าง
ไม่ยืนห่อตัว ให้ยืนเปิดไหล่ด้วยความสง่างาม จะทำให้ท่าทางของคุณดูสบาย ๆ และคนอื่นก็ไว้วางใจอยากที่จะเข้าหาคุณด้วย นอกจากนี้การกอดอกแสดงให้เห็นว่าถึงการไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอีกด้วย
ลองฝึกทำท่าทางเหล่านี้หน้ากระจก ก็สามารถช่วยให้คุณมีความมั่นใจ และมีบุคลิกภาพและภาษากายที่ดี
ที่มา lifehack
หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น~ ชอบเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )